เรื่องราวความเป็นมา กว่าจะเป็นภาพยนตร์ Monkey Man

2024-04-06 10:00:33

เรื่องราวความเป็นมา กว่าจะเป็นภาพยนตร์ Monkey Man

Advertisement

เรื่องราวความเป็นมา กว่าจะเป็นภาพยนตร์ Monkey Man 



เดฟ พาเทล ผู้เคยได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ (Lion, Slumdog Millionaire) ประสบความสำเร็จกับผลงานการกำกับเรื่องแรกที่สุดมหัศจรรย์ที่ต้องอาศัยความสามารถอย่างสูง ด้วยผลงานภาพยนตร์แอ็กชันทริลเลอร์ เกี่ยวกับความพยายามตามแก้แค้นของชายคนหนึ่งต่อเหล่าผู้นำที่ฉ้อฉล ผู้ลงมือฆาตกรรมแม่ของเขา และยังคงรังแกคนยากจนและคนที่ไร้อำนาจอย่างไม่หยุดหย่อน






ได้รับแรงบันดาลใจจากตำนานของ Hanuman ตัวละครที่มีชื่อเสียงที่มีทั้งความแข็งแกร่งและความกล้าหาญ Monkey Man นำแสดงโดย พาเทล ในบท คิด ชายหนุ่มไร้ตัวตนที่ใช้ชีวิตอย่างพอเพียงอยู่ในไนต์คลับต่อสู้ใต้ดิน คืนแล้วคืนเล่า โดยเขาจะสวมหน้ากากลิงกอริลล่า เขายอมโดนพวกนักสู้ที่มีชื่อเสียงเป็นที่นิยมมากกว่า ซ้อมจนเลือดโทรมกายเพื่อแลกกับเงิน





หลังจากต้องเก็บกดความโกรธแค้นเอาไว้หลายปี คิด พบหนทางที่จะแทรกซึมเข้าสู่สังคมของพวกไฮโซที่น่ากลัวของเมืองนี้ เมื่อบาดแผลฝังใจในวัยเด็กของเขาเดือดพล่าน มือที่เต็มไปด้วยแผลเป็นอันแสนลึกลับของเขาได้ปลดปล่อยการตอบโต้ด้วยพลังแค้น เพื่อชำระความกับบรรดาคนที่พรากทุกอย่างไปจากเขา

Monkey Man ซึ่งอัดแน่นไปด้วยฉากการต่อสู้และฉากไล่ล่าที่น่าตื่นเต้นและตื่นตา กำกับโดย เดฟ พาเทล จากเรื่องราวที่เขาคิดสร้างขึ้นเอง และเขาได้ร่วมเขียนบทภาพยนตร์เรื่องนี้กับ พอล อังกูนาวีล่า และจอห์น คอลลี่ (Master and Commander: The Far Side of the World)





ทีมนักแสดงระดับนานาชาติของภาพยนตร์เรื่องนี้ ประกอบไปด้วย ชาร์ลโต ค็อปลี่ย์ (District 9), ปิโตบาช (Million Dollar Arm), วิพิน ชาร์มา (Hotel Mumbai), ซิกันดาร์ เคอร์ (Aarya), อดิธี คาลกุนเต (Hotel Mumbai), โซภิตา ดูลิปาล่า (Made in Heaven), อัชวินี คาลเซการ์ (Ek Tha Hero), มาการานด์ เดศปานเด (RRR), จาติน มาลิก ในผลงานภาพยนตร์เรื่องแรกของเขา และซากีร์ ฮัสเซน (Duranga)



Monkey Man อำนวยการสร้างโดย เดฟ พาเทล, โจมอน โธมัส p.g.a. (Hotel Mumbai, The Man Who Knew Infinity), เจ้าของรางวัลออสการ์ จอร์แดน พีล (Nope, Get Out), วิน โรเซนเฟลด์ (Candyman, ซีรีส์ชุด Hunters), เอียน คูเปอร์ (Nope, Us), เบซิล ไอวานิก (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ John Wick , ภาพยนตร์ชุด Sicario) และเอริก้า ลี p.g.a. (ภาพยนตร์แฟรนไชส์ John Wick, Silent Night), คริสติน เฮเบลอร์ (Shut In, Bones of Crows), แซม ซาห์นี่ (แอสโซซิเอท โปรดิวเซอร์ของ The Wedding Guest, ผู้อำนวยการสร้างบริหารของ To Kill a Tiger) และอันเจย์ นักปาล (ผู้อำนวยการสร้างบริหารของภาพยนตร์เรื่อง Bombshell, Greyhound)





ที่ทำหน้าที่เป็นผู้อำนวยการสร้างบริหาร ได้แก่ โจนาธาน ฟูห์รแมน, นาตาเลีย พัฟชินสเกีย, เจสัน โคลธ, สุรัจ มาราโบยิน่า, อดัม โซเมอร์, แอรอน แอล กิลเบิร์ต, แอนเดรีย สปริง, อลิสัน-เจน โรนี่ย์ และสตีเว่น ธิบาวลต์

ผู้กำกับภาพ ได้แก่ ชาโรน ไมเออร์ (Silent Night, Rings); โปรดักชั่นดีไซเนอร์ คือ พวัสส์ สวัสดิ์ชัยเมธ (Buffalo Boys, Samui Song) และผู้ออกแบบเครื่องแต่งกาย คือ ดิฟยา แกมเบอร์ (Sam Bahadur, Sonchiriya) และนิธิ แกมเบอร์ (Sam Bahadur, Sonchiriya) Monkey Man ลำดับภาพโดย ดาวิด ยานโช hse (Pieces of a Woman, The Crowded Room), ทิม เมอร์เรลล์ (21 Bridges, StreetDance 2) และโจ กัลโด (Borderline, ผู้ลำดับภาพร่วม Ferrari) การคัดเลือกตัวนักแสดงเป็นผลงานของ เซเฮอร์ ลาทิฟ (ภาพยนตร์เรื่อง The Best Exotic Marigold Hotel, Million Dollar Arm) ดนตรีประกอบเป็นผลงานของ เจด เคอร์เซล (The Pope’s Exorcist, Alien: Covenant) และมิวสิค ซูเปอร์ไวเซอร์ ได้แก่ พีย์มอน มาสแคน (The Long Game: Bigger Than Basketball, The Fallout) วิชวล เอฟเฟ็กต์ ซูเปอร์ไวเซอร์ ได้แก่ เมอร์เรย์ โป๊ป ผู้เคยทำหน้าที่เป็นวิชวลเอฟเฟ็กต์ เอ็กเซ็กคิวทีฟ โปรดิวเซอร์ให้กับภาพยนตร์เรื่อง The Matrix Reloaded และ The Lord of the Rings: The Fellowship of the Ring





ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส ภูมิใจเสนอ ภาพยนตร์เรื่อง Monkey Man ผลงานการสร้างของ บรอน สตูดิโอส์, ภาพยนตร์ของ ธันเดอร์โร้ดฟิล์มส์, ผลงานการสร้างของมังกี้พาว, ผลงานการสร้างของ a Minor Realm, ผลงานการสร้างของ S’Ya Concept โดยความร่วมมือกับ WME Independent และ Creative Wealth Media ภาพยนตร์เรื่องนี้จัดจำหน่ายโดย ยูนิเวอร์แซล พิคเจอร์ส



คำแถลงจากผู้กำกับ เดฟ พาเทล

ตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมหลงใหลในภาพยนตร์แอ็กชั่นอย่างมาก ผมเคยแอบย่องลงไปชั้นล่างของบ้านในตอนเที่ยงคืน และนั่งดู บรูซ ลี กระโดดออกมาจากจอ และเข้าไปอยู่ในจินตนาการของผม ในภาพยนตร์เรื่อง Enter the Dragon จนถึงการได้ดู ศาห์รุข ข่าน ต่อสู้กับผู้ร้ายเป็นร้อยๆ คนเพื่อช่วยคนที่เขารัก จากนั้น ผมก็ได้รู้จักกับภาพยนตร์เกาหลี ซึ่งช่วยยกระดับเรื่องราวแนวแก้แค้นขึ้นใหม่ในความคิดของผม ผมรู้ว่าสักวัน ผมจะหลอมรวมความรักที่ผมมีต่อวัฒนธรรม, สไตล์ และการเล่าเรื่องเหล่านี้ เพื่อสร้างผลงานสำหรับคนที่เหมือนผม ไม่ครับ ไม่ใช่แค่หนุ่มผิวเข้มที่เกิดในลอนดอน ผู้รู้สึกสับสนกับตัวตนของเขา ไม่ ผมอยากจะสร้างบทเพลงสดุดีให้กับพวกที่ตกเป็นเบี้ยล่าง วีรบุรุษที่ไม่ได้มีเครื่องมือพร้อม และไม่ได้มีคำคมที่สมบูรณ์แบบในทุกจังหวะ แต่เป็นชายที่พยายามและล้มเหลว และกลับมาพยายามอีก เพียงเพื่อจะล้มเหลวอีกครั้ง ชายหนุ่มที่คุ้นเคยดีกับการถูกมองข้าม และมาพร้อมกับความเจ็บปวด พอๆ กับความกราดเกรี้ยว เป็นชายที่ต่อสู้กับบาดแผลจริงๆ จนกระทั่งเขาได้พบกับคนที่ตกเป็นเบี้ยล่างคนอื่นๆ ที่เหมือนตัวเขา เพื่อให้มาช่วยสนับสนุนเขา และทำให้เขามีความกล้าหาญที่จะต่อสู้เพื่อสิ่งที่ดีและเป็นความจริง



ภาพยนตร์แอ็กชั่นอาจได้รับผลกระทบจากระบบได้ง่าย นั่นคือการผลิตเนื้อหาที่ขาดเรื่องราวที่ทำให้ได้ผลกำไรอย่างรวดเร็ว แต่ในฐานะแฟนพันธุ์แท้ของภาพยนตร์แนวนี้ ผมรู้ว่ามันสามารถทำได้มากกว่านี้ คนดูต้องการมากขึ้น ผมได้เพิ่มปริมาณของวัฒนธรรมเข้าไปในส่วนผสมนี้เยอะมากครับ

ในฐานะเด็กคนหนึ่ง คุณปู่ของผมแนะนำให้ผมรู้จักกับหนุมาน ซึ่งเป็นเทพลิง ผมรู้สึกอึ้งไปเลยที่มีหนังสือการ์ตูนสมัยใหม่เยอะมากที่ใช้แรงบันดาลใจจากปรัชญาและการสร้างรูปลักษณ์แบบตะวันออก



มีอยู่ครั้งหนึ่งตอนที่ผมถูกด้อยค่าในฐานะนักแสดง ผมรู้ว่าแทนที่จะวิ่งหนีจากประเพณีที่ผมได้รับสืบทอดมา ผมทุ่มเทเดิมพันลงไปอีก และแสดงให้เห็นถึงสิ่งที่ทำให้ผมภูมิใจในความเป็นตัวผม ขณะที่ภาพยนตร์เรื่องนี้เฉลิมฉลองวัฒนธรรมของผม แต่ผมก็ทุ่มเทที่จะแสดงจุดยืนในการนำเสนอปัญหาเรื่องระบบและเรื่องขนบธรรมเนียมที่ยังคงอยู่ และถูกบังคับใช้กับชุมชนที่ด้อยโอกาสและเปราะบางที่สุด



โดยหัวใจแล้ว Monkey Man ก็คือจดหมายรักถึงครอบครัวของผมครับ มันเป็นเรื่องเกี่ยวกับการผสมรวมตำนานเล่าขานที่พ่อและปู่ของผมเล่าให้ผมฟัง และยังเป็นเรื่องเกี่ยวกับการยกย่องพลังของผู้หญิงเก่งทุกคนในชีวิตของผม คนสำคัญที่สุดก็คือแม่ของผมครับ และเรื่องที่ว่าคนๆ หนึ่งจะยอมทำได้แค่ไหนเพื่อแก้แค้นในสิ่งผิดที่สร้างความทุกข์ให้กับคนที่คุณรักครับ – เดฟ พาเทล



เรื่องราวความเป็นมา

เมื่อมือเขียนบท/ ผู้กำกับ/ ผู้อำนวยการสร้าง เดฟ พาเทล กำลังจินตนาการเรื่องราวของ Monkey Man เขาแทบไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องราวที่ได้แรงบันดาลใจจากเรื่องราวในวัยเด็ก จะกลายมาเป็นผลงานกำกับเรื่องแรกของเขา “ผมใช้เวลาแปดปีในชีวิตในการปรับแต่งบทภาพยนตร์เรื่องนี้ในระหว่างที่ผมทำงานกับโปรเจ็กต์ต่างๆ ครับ” พาเทลกล่าว “มันใกล้เคียงกับหัวใจของผมมาก ใช้เรื่องเล่าขานของอินเดียที่มีความเก่าแก่มากที่สุดเรื่องหนึ่ง และใส่คุณลักษณะแบบสมัยใหม่ลงไป ดังนั้น ผมก็หวังว่ามันจะทำให้เรื่องราวนี้มีความเป็นสากล และสร้างงานมหากาพย์ซูเปอร์ฮีโร่แบรนด์ใหม่ขึ้นมาครับ เป็นงานที่เป็นตัวของตัวเองที่สุด มันขับเคลื่อนด้วยพลังงาน จิตวิญญาณ และหัวใจ และงานแอ็กชั่นบ้าระห่ำครับ”



Monkey Man ได้แรงบันดาลใจจากตำนานของหนุมาน ซึ่งเป็นเทพฮินดู ผู้เป็นสัญลักษณ์ของภูมิปัญญา ความแข็งแกร่ง ความกล้าหาญ ความจงรักภักดี และการมีวินัยในตนเอง ตำนานของเทพลิงนี้สามารถย้อนกลับไปถึงยุค 1500 และ 1200 ปีก่อนคริสต์ศักราช เขาปรากฎตัวครั้งแรกในเพลงสวดสรรเสริญในฤคเวท ซึ่งเป็นคัมภีร์ที่รวบรวมเพลงสวดโบราณ ที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในสี่คัมภีร์ฮินดูศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งเป็นที่ยอมรับ เมื่อเขาปรากฎตัวในมหากาพย์สันสกฤตอย่าง มหาภารตะ และรามายณะ หนุมานคือสัญลักษณ์ของอิสรภาพ ด้วยร่างกายที่อยู่ยงคงกระพัน แต่มีความเป็นมนุษย์อยู่ลึกๆ เขาได้เตือนเหล่าสาวกถึง “ธรรมชาติที่ไม่มั่นคงของพลังอำนาจที่ไร้การควบคุม” ตามตำนานว่าไว้ หนุมานที่ยังเป็นวานรน้อย ต้องตกจากสวรรค์หลังจากพยายามคว้าดวงอาทิตย์ บัดนี้ หนุมาน ซึ่งเป็นที่รักของเหล่าสาวก ได้เชื่อมต่อกับทวยเทพผ่านทางการทำคุณประโยชน์ให้กับคนของเขา



ภาพยนตร์ของพาเทล ได้แปลงตำนานนั้นใส่ลงไปในโลกสมัยใหม่ ที่ซึ่ง คิด ชายหนุ่มบ้านแตก ได้กลายมาเป็นอาวุธที่ทรงพลัง เป็นเทพที่เคียดแค้นและต้องการระบายความแค้นนั้นกับเหล่าผู้นำที่มีอำนาจแต่คอรัปชั่น ผู้กดขี่ผู้คนที่พวกเขาควรรับใช้ ภาพยนตร์เรื่องนี้วางเหตุการณ์เอาไว้ในเมืองที่ถูกสมมติขึ้นของอินเดียที่มีชื่อว่า ยาตะนะ ซึ่งหมายถึง “การดิ้นรนต่อสู้หรือความมุมานะ” แต่ก็หมายถึง “การแก้แค้น” ด้วย



การจะทำให้ Monkey Man ถูกสร้างออกมา พาเทลได้พบหุ้นส่วนที่จะช่วยทำให้จินตนาการของเขามีชีวิตขึ้นมา เป็นเหล่าครีเอทีพที่สนับสนุนการเล่าเรื่องอย่างเป็นอิสระ รวมถึงผู้อำนวยการสร้าง โจมอน โธมัส, เบซิล ไอวานิก, เอริก้า ลี, คริสติน เฮเบลอร์, แซม ซาห์นี่ และอันเจย์ นักปาล “ผมรู้สึกว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะต้องเป็นแกะดำ ที่โผล่มาจากไหนไม่รู้และเซอร์ไพรส์คนดูครับ” พาเทลกล่าว “และคงสร้างความไม่พอใจด้วย”



เพื่อนทีมงานของเขาได้แรงบันดาลใจจากจินตนาการของเขาที่มีต่อ Monkey Man และรู้สึกกระตือรือร้นที่จะช่วยทำให้มันกลายเป็นจริงขึ้นมา “การที่ผมเคยได้ร่วมงานกับภาพยนตร์ที่ เดฟ เคยแสดงนำอยู่ มันทำให้ผมมีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในความสามารถของเขาที่นอกเหนือจากการแสดงครับ” ผู้อำนวยการสร้างโจมอน โธมัสกล่าว “ตลอดหลายปีมานี้ บ่อยครั้งที่เขาแบ่งปันจินตนาการที่มีต่อ Monkey Man และการเล่าเรื่องราวนี้ก็จับใจผมได้ เพราะความลึกและความเป็นไปได้ของมันด้วยหลายองค์ประกอบด้วยกัน อย่างเช่น การทำงานกับเดฟในฐานะผู้กำกับ, การแสดงให้เห็นถึงความมีชีวิตชีวาของวัฒนธรรมของเรา และการสร้างสรรค์การเดินทางด้วยภาพยนตร์ที่มีความโดดเด่นสำหรับคนดูทั่วโลก ความทะเยอทะยานของเดฟได้เติมเชื้อไฟให้กับความกระตือรือร้นของผม และผมก็ดำดิ่งสู่ขั้นตอนการพัฒนาบทภาพยนตร์ทันทีครับ”



พาเทลได้แรงบันดาลใจจากภาพยนตร์หลายแนวที่เขาชื่นชมมาเป็นเวลานาน อาทิเช่นภาพยนตร์แอ็กชั่นแนวล้างแค้นของเกาหลี และภาพยนตร์ชุดแปลกแหวกแนวอย่าง John Wick “เราผสมมันเข้ากับองค์ประกอบแนวดราม่าครับ” พาเทลอธิบาย “ภาพยนตร์เรื่องโปรดหลายเรื่องของผมคือภาพยนตร์อย่าง Man from Nowhere และ Oldboy และภาพยนตร์สนุกๆ จากอินโดนีเซียอย่างเรื่อง The Raid เรามีทีมงานของ The Raid จำนวนหนึ่งที่มาทำงานกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย รวมไปถึงทีมงานของ John Wick ซึ่งบังเอิญเป็นผู้อำนวยการสร้างร่วมกับธันเดอร์โร้ด เราใส่ส่วนผสมทั้งหมดนี้ลงไปในเครื่องผสม และเพิ่มเครื่องปรุงรสจากอินเดียเข้าไปครับ”



ในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง Monkey Man ทีมกองถ่ายมุ่งหน้าไปยังเมืองบาตัม ประเทศอินโดนีเซีย เพื่อการถ่ายทำหลัก “ทีมงานที่น่ารักของผมต้องทำงานอย่างหนักกันที่นั่น” พาเทลบอก “มันคือการผจญภัยสุดคลั่งที่อัดแน่นไปด้วยงานแอ็กชัน มีทั้งเลือด เหงื่อ น้ำตา กระดูกหัก สำหรับภาพยนตร์แนวแก้แค้นเรื่องนี้ที่พูดถึงเรื่องของศรัทธา มันวางเหตุการณ์เอาไว้ในอินเดียยุคใหม่ และเราก็นำเอาหนึ่งในตำนานเล่าขานที่เก่าแก่ที่สุดที่เรามี ใส่อารมณ์ใหม่ๆ เข้าไปครับ เรานำเอาสิ่งหนึ่งมา และทำให้มันมีความเป็นเอกลักษณ์ มันเดินหน้าด้วยพลังและจิตวิญญาณ และวัฒนธรรม และฉากแอ็กชันสุดระห่ำที่สุดด้วยครับ”



แต่เริ่มเดิมที Monkey Man ถูกวางเอาไว้ให้เปิดตัวฉายทางแพลตฟอร์มสตรีมมิ่ง แต่เมื่อการถ่ายทำเสร็จสิ้นลง และอยู่ในขั้นตอนของการลำดับภาพ พาเทลและทีมผู้อำนวยการสร้างของเขา ได้มองหาหุ้นส่วนที่ลงตัวที่จะเข้ามาเสริมงานขั้นสุดท้ายและเปิดตัวงานที่พาเทลแสนรักเรื่องนี้ในฐานะภาพยนตร์ฉายโรงแทน พวกเขาพบหุ้นส่วนคนนั้นในตัวผู้สร้างภาพยนตร์ชาวอเมริกันอย่าง จอร์แดน พีล และทีมผลิตภาพยนตร์จากบริษัท มังกี้พาว ซึ่งรวมถึงผู้อำนวยการสร้างอย่าง วิน โรเซนเฟลด์ และเอียน คูเปอร์ “ตอนที่ Monkey Man ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลงเจ้าของ เราบังเอิญไปได้ยินข่าวเกี่ยวกับมัน และได้เห็นภาพแรกของมันด้วยครับ” ผู้อำนวยการสร้าง เอียน คูเปอร์ กล่าว “เราตกหลุมรักเรื่องนี้ทันที และได้แรงบันดาลใจที่จะช่วยให้ภาพยนตร์เรื่องนี้เดินไปข้างหน้า เรานำมันไปที่ยูนิเวอร์แซล ผ่านขั้นตอนโพสต์โปรดักชั่น จนถึงเส้นชัยสุดท้ายครับ”



ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้ากันได้อย่างลงตัวกับหลักการทำงานของมังกี้พาว “มังกี้พาวเป็นเรื่องของความซุกซน การยั่วยุ และความสนุก ภาพยนตร์เรื่องนี้คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของปรัชญานั้นครับ” ผู้อำนวยการสร้าง วิน โรเซนเฟลด์ กล่าว “เราชอบการทำงานกับผู้สร้างภาพยนตร์ที่พยายามสร้างผลงานที่บิดแนวทางและพลิกสถานการณ์ไป ซึ่งขั้นตอนในการนำภาพยนตร์แบบนั้นมาสู่จอภาพยนตร์เป็นเรื่องที่น่ายินดีมากครับ กับ Monkey Man เดฟได้สร้างสิ่งที่ยากจะปฏิเสธและเราก็รู้สึกดีใจมากที่ได้ร่วมผจญภัยไปพร้อมกับเขาครับ”



เช่นเดียวกับพาเทล หน้าที่การงานของพีล เริ่มต้นขึ้นที่หน้ากล้องในฐานะที่เขาเป็นนักแสดง และผลงานการกำกับเรื่องแรกของเขาอย่าง Get Out ได้เริ่มต้นบทใหม่ที่ยิ่งใหญ่ในอาชีพของเขา นับแต่นั้นเป็นต้นมา มังกี้พาว ได้ร่วมงานกับผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์มากมายหลายคน อาทิเช่น ไนอา ดาคอสต้า, เฮนรี่ เซลิค และสไปก์ ลี “ที่มังกี้พาว เราพยายามสร้างโอกาสให้กับผู้กำกับที่มีวิสัยทัศน์ที่จะบอกเล่าเรื่องราวที่เราจะไม่ได้เห็นในฮอลลีวู้ดครับ” คูเปอร์บอก “เราภูมิใจมากที่ได้ร่วมงานกับเดฟ ผู้เผชิญกับอุปสรรค์มานับไม่ถ้วนเพื่อจะทำให้ภาพยนตร์เรื่องนี้ถูกปล่อยออกฉายครับ”

สำหรับพีล Monkey Man คืองานที่เขาตอบตกลงได้ง่ายมาก “ตอนที่ผมได้ยินคำว่า ‘เดฟ พาเทล’ ผมก็สนใจติดหนึบเลยครับ” พีลเล่า “เขาเป็นหนึ่งในนักแสดงคนโปรดของผม เขายังเป็นหนึ่งในนักแสดงที่มีความเห็นอกเห็นใจและมีอารมณ์ต่อเนื่องมากที่สุด และเขามีโอกาสที่จะได้เป็นขาลุยบ้าง จากนั้น ผมก็ได้ยินว่าเขากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย ซึ่งมันทำให้ผมถึงกับอึ้งไปเลยครับ ที่มีคนได้ทดลองและกำกับตัวพวกเขาเองในแบบนี้”

พีลกล่าวอีกว่า “ผมรู้สึกสนใจธีมของภาพยนตร์เรื่องนี้ที่ผู้เคียดแค้นกลายเป็นผู้ล้างแค้น เรื่องนี้พาเราไปสู่การขับเคลื่อนด้วยความแค้น ซึ่งเป็นหนึ่งในพลังที่ทรงอำนาจที่สุดในภาพยนตร์ครับ” พีลกล่าวต่อ “มันยังทำหน้าที่ได้ดีมากด้วย คิดคือภารกิจทางอารมณ์ที่มีความเป็นส่วนตัว กับตัวละครที่มีความถ่อมตนเช่นนี้ ทั้งหมดที่เราอยากทำก็คือการเห็นเขาประสบความสำเร็จ เมื่อเขาไปถึงจุดนั้น ตัวละครตัวนี้ถึงได้สำนักว่าการล้างแค้นอาจไม่เพียงพอ เขาจะต้องต่อสู้เพื่อทุกคนครับ”

พีลและทีมของเขาต้องแปลกใจกับทักษะฝีมือในการสร้างภาพยนตร์ของพาเทล ซึ่งมีฉากแอ็กชันใหญ่ยักษ์หลายฉากที่มีความรุนแรงพอๆ กับที่มีความงดงามในเชิงภาพยนตร์ “ผมรู้สึกโดนใจกับการที่ชอตมากมายถูกถ่ายทำราวกับเป็นการถ่ายเทกเดียว เป็นเทกที่ให้ความรู้สึกไหลลื่นและถึงแก่นแท้ครับ” พีลกล่าว “จากนั้น เดฟ ในฐานะนักแสดง ในฐานะนักสู้ ได้ใส่คุณสมบัติด้านงานแอ็กชันที่โดดเด่นเข้าไปในการเคลื่อนไหวของเขา มีเรื่องให้ทำเยอะมาก แต่สุดท้าย ก็มีฉากวินาทีแห่งความรุนแรงที่เป็นวินาทีแบบ ‘ให้ตายเถอะ’ หลายครั้งด้วยกัน นี่คือตัวอย่างที่สมบูรณ์แบบของภาพยนตร์ที่เราสามารถไปยืนถูกที่ ถูกเวลา เพื่อให้การช่วยเหลือได้ครับ”