"ก้าวไกล" ยื่นร่างแก้ไข รธน.เข้าสภาฯ

2024-03-15 15:49:29

"ก้าวไกล" ยื่นร่างแก้ไข รธน.เข้าสภาฯ

Advertisement

"ก้าวไกล" ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสภาฯ เน้นเลือกตั้ง ส.ส.ร. 100 เปอร์เซ็นต์ เร่งเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับโดยทำประชามติแค่ 2 ครั้ง หวังประธานรัฐสภาบรรจุทุกร่างเข้าวาระการประชุม เพื่อให้กระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เกิดขึ้นโดยเร็ว

เมื่อวันที่ 15 มี.ค.67 ณ ห้องแถลงข่าวรัฐสภา นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคก้าวไกล ยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญต่อประธานรัฐสภา ซึ่งมีเนื้อหาสาระสำคัญเกี่ยวกับการจัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด เพื่อมาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ

นายพริษฐ์ กล่าวว่า แม้นายกรัฐมนตรีได้เคยประกาศในคำแถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่า วาระเรื่องการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล แต่ผ่านมากว่า 6 เดือน ประชาชนยังไม่ได้เห็นภาพที่ชัดเจนว่าประเทศจะได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่หรือไม่ และภายในเมื่อใด ในขณะที่คณะกรรมการศึกษา ที่รัฐบาลตั้งขึ้นมา นำโดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ได้แถลงผลสรุปไปเมื่อเดือน ธ.ค.66 ว่าได้เสนอให้รัฐบาลเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยการทำประชามติ 3 ครั้ง ซึ่งจะต้องเริ่มต้นจากการให้ ครม.มีมติให้จัดทำประชามติครั้งที่ 1 ก่อน แต่ ส.ส.พรรคเพื่อไทย นำโดยชูศักดิ์ ศิรินิล ได้เลือกเส้นทางในการพยายามเดินหน้าจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ด้วยการทำประชามติ 2 ครั้ง ซึ่งเริ่มต้นจากการยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อให้มี ส.ส.ร.  มาจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาเมื่อเดือน ม.ค.67

นายพริษฐ์ กล่าวต่อว่า แม้พรรคก้าวไกลเราเข้าใจถึงเหตุผลในเชิงการเมืองที่ทำให้หลายฝ่ายมองถึงความจำเป็นในการจัดประชามติ 3 ครั้ง แต่เรายืนยันว่าตลอดว่าหากยึดตามรัฐธรรมนูญและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ การจัดประชามติเพียง 2 ครั้ง เพียงพอแล้วในเชิงกฎหมาย ดังนั้น ในวันนี้ที่พรรครัฐบาลพร้อมจะเดินหน้าตามสูตรประชามติ 2 ครั้ง  พรรคก้าวไกลจึงตัดสินใจยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร.  ฉบับก้าวไกล ซึ่งเป็นขั้นตอนแรกในกระบวนการดังกล่าว  ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร. ฉบับก้าวไกลเป็นการเพิ่มหมวด 15/1 (การจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่) และแก้ไขมาตรา 256 (การแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ) โดยมีสาระสำคัญดังต่อไปนี้

1) จัดให้มีสภาร่างรัฐธรรมนูญ ประกอบไปด้วยสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ ( ส.ส.ร. ) 200 คน ที่มาจากการเลือกตั้งทั้งหมด แบ่งออกเป็น 2 ประเภท

1.1) 100 คนแบบแบ่งเขต ใช้จังหวัดเป็นเขตเลือกตั้ง โดยให้สมัครเป็นรายบุคคล ประชาชนสามารถเลือกผู้สมัครได้ 1 คน และผู้สมัครที่ได้คะแนนสูงสุดจะได้รับเลือก

1.2) 100 คนแบบบัญชีรายชื่อ ใช้ประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง โดยให้สมัครเป็นทีม ประชาชนเลือกทีมผู้สมัครได้ 1 ทีม และแต่ละทีมได้จำนวน สสร. ตามสัดส่วนคะแนนที่ได้รับ

ทั้งนี้ ระบบเลือกตั้งที่มี ส.ส.ร. ทั้ง 2 ประเภทจะทำให้สภาร่างรัฐธรรมนูญมีทั้งตัวแทนเชิงพื้นที่ และตัวแทนเชิงประเด็น-กลุ่มอาชีพ-กลุ่มสังคม

2) กำหนดให้ ส.ส.ร. มีอำนาจในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ทั้งฉบับ ตราบใดที่ไม่เป็นการเปลี่ยนแปลงการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข หรือการเปลี่ยนแปลงรูปแบบรัฐ ตามที่บัญญัติไว้แล้วในรัฐธรรมนูญมาตรา 255

3) กำหนดให้ ส.ส.ร. มีกรอบเวลาไม่เกิน 360 วันในการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ เพื่อให้ ส.ส.ร. มีเวลาเพียงพอในการรับฟังความเห็นอย่างรอบด้านและทำงานอย่างรอบคอบ ในขณะที่ไม่ทำให้กระบวนการมีความยืดเยื้อจนทำให้เราได้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่อย่างล่าช้าจนเกินไป

4) กำหนดอายุขั้นต่ำของผู้สมัคร ส.ส.ร. ไว้ที่ 18 ปี ซึ่งสอดคล้องกับหลักการประชาธิปไตยสากลว่าอายุขั้นต่ำสำหรับการลงสมัครรับเลือกตั้งตำแหน่งทางการเมืองใด ๆ ก็ตาม มักยึดตามอายุขั้นต่ำในการมีสิทธิเลือกตั้ง

5) กำหนดให้ ส.ส.ร. มีคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญที่ประกอบไปด้วย ส.ส.ร. ไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของจำนวนกรรมาธิการ เพื่อให้ กมธ. มีตัวแทนที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชนเป็นเสียงส่วนใหญ่ ขณะที่ยังเปิดพื้นที่ให้กับคนนอกที่ ส.ส.ร. คัดเลือกและอนุมัติ เพื่อให้ กมธ. มีพื้นที่ให้กับผู้เชี่ยวชาญ ผู้มีประสบการณ์ที่อาจไม่ได้ลงสมัครรับเลือกตั้งโดยตรง

6) กำหนดให้มีการจัดทำประชามติหลังจากที่ ส.ส.ร.  จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่เสร็จ เพื่อสอบถามประชาชนว่าเห็นด้วยหรือไม่กับร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564

7) กำหนดให้ ส.ส.ร.  มีอำนาจจัดทำพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) และส่งให้รัฐสภาพิจารณาเห็นชอบ หากรัฐสภาไม่เห็นชอบ พ.ร.ป. ฉบับใดของ สสร. รัฐสภาก็จะมีอำนาจในการรับไปทำต่อเอง ทั้งนี้ เพื่อประหยัดเวลาและป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

8) กำหนดให้ ส.ส.ร. สามารถปฏิบัติหน้าที่ต่อได้ โดยไม่ถูกกระทบจากการยุบสภาฯ หรือจากการที่สภาฯ หมดวาระ เพื่อความต่อเนื่องของ ส.ส.ร.  และกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

9) กำหนดให้ ส.ส.ร.  ห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมือง เช่น ส.ส. ส.ว. รัฐมนตรี ผู้บริหาร-สมาชิกสภาท้องถิ่น ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ หรือผู้ดำรงตำแหน่งในองค์กรอิสระ ภายใน 5 ปีแรก เพื่อป้องกันผลประโยชน์ทับซ้อน

10) ปรับเกณฑ์การแก้ไขรัฐธรรมนูญ (มาตรา 256) โดยกำหนดให้การแก้ไขรัฐธรรมนูญกระทำได้ หาก

10.1) ได้รับความเห็นชอบเกินกึ่งหนึ่งของสมาชิกรัฐสภา ซึ่งประกอบไปด้วย ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้ง และ ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง  

10.2) ได้รับความเห็นชอบเกิน 2 ใน 3 ของสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน

10.3) เฉพาะในกรณีที่เป็นการแก้ไขเกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญหรือการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ต้องได้รับความเห็นชอบจากประชาชนผ่านประชามติด้วย

นายพริษฐ์กล่าวว่า พรรคก้าวไกลทราบว่าทางประธานรัฐสภาได้ตัดสินใจไม่บรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร. ที่ถูกเสนอโดย ส.ส. พรรคเพื่อไทยเข้าสู่ระเบียบวาระการประชุมรัฐสภา โดยให้เหตุผลว่าคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 กำหนดให้ต้องมีการจัดทำประชามติก่อนเสนอร่างดังกล่าวเข้าสู่รัฐสภา ในมุมมองของพรรคก้าวไกล การกระทำดังกล่าวของประธานรัฐสภาเป็นการตีความคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญและการตัดสินใจที่เราไม่เห็นด้วย โดยหวังเป็นอย่างยิ่งว่าประธานรัฐสภาจะทบทวนการตัดสินใจดังกล่าว และบรรจุร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร. ของทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภา เนื่องจากการเสนอร่างทั้ง 2 ร่างดังกล่าวเข้าสู่รัฐสภาไม่ได้เป็นขั้นตอนหรือมีเนื้อหาสาระส่วนใดที่ขัดกับคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 4/2564 ซึ่งเพียงกำหนดไว้ว่าให้มีประชามติ 1 ครั้งก่อนมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และประชามติอีก 1 ครั้งหลังมีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ ภารกิจในการฟื้นฟูประชาธิปไตยไม่สามารถประสบความสำเร็จได้ หากไม่มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่มีความชอบธรรมทางประชาธิปไตย โดยเราหวังว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญเรื่อง ส.ส.ร. ฉบับก้าวไกลที่เรายื่นเข้าสู่รัฐสภาในวันนี้ จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการเดินหน้าไปสู่เป้าหมายดังกล่าว