รวบเจ้าของบาร์ค้ามนุษย์นำเด็กขายบริการทางเพศ

2024-03-14 20:17:32

รวบเจ้าของบาร์ค้ามนุษย์นำเด็กขายบริการทางเพศ

Advertisement

บก.ปคม. ร่วมกับ สภ.เมืองพัทยาจับกุมเจ้าของบาร์นำเด็กขายบริการทางเพศแจ้งข้อหาหนักค้ามนุษย์

เมื่อวันที่ 14 มี.ค.67 กองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  โดยกองบังคับการปราบปรามการค้ามนุษย์ (บก.ปคม.) ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก., พล.ต.ต.วิวัฒน์ ชัยสังฆะ รอง ผบช.ก. พล.ต.ต.ศารุติ แขวงโสภา ผบก.ปคม., พ.ต.อ.สุรพงษ์ ชาติสุทธิ์, พ.ต.อ.ณรงค์ เทศวิบูลย์ รอง ผบก.ปคม. เจ้าหน้าที่จับกุม นำโดย พ.ต.อ.พัฒนพงศ์ ศรีพิณเพราะ ผกก.2 บก.ปคม. พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมกันจับกุม นายสมชาย  อายุ 59 ปี นายเศรษฐา  อายุ 37 ปี ผู้ต้องหาที่ 2   และ  น.ส.ณัฐชา  อายุ 46 ปี ผู้ต้องหาที่ 3 ในฐานความผิด (1) สมคบโดยการตกลงกันตั้งแต่สามคนขึ้นไปหรือโดยสมาชิกขององค์กรอาชญากรรมเพื่อกระทำความผิดฐานค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณีและแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบทางเพศในรูปแบบอื่น โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปีและได้กระทำความผิดตามที่ได้ตกลงกันไว้ (2) ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบจากการค้าประเวณี โดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี (3) ร่วมกันค้ามนุษย์โดยการแสวงหาประโยชน์โดยมิชอบทางเพศในรูปแบบอื่นโดยกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ไม่ถึงสิบแปดปี (4) ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ล่อไป หรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตาม และไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักรซึ่งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี (5) ร่วมกันเป็นธุระจัดหา ส่อไปหรือชักพาไปซึ่งบุคคลใดเพื่อให้บุคคลนั้นกระทำการค้าประเวณีแม้บุคคลนั้นจะยินยอมหรือไม่ก็ตามและไม่ว่าการกระทำต่าง ๆ อันประกอบเป็นความผิดนั้นจะได้กระทำภายในหรือนอกราชอาณาจักร

(6) ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ส่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมก็ตามซึ้งเป็นการกระทำแก่บุคคลอายุเกินสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปี (7) ร่วมกันเพื่อสนองความใคร่ของผู้อื่น เป็นธุระจัดหา ล่อไปหรือชักพาไปเพื่อการอนาจารซึ่งชายหรือหญิงแม้ว่าบุคคลนั้นจะยินยอมก็ตาม (8) ร่วมกันกระทำด้วยประการใด โดยการช่วยเหลือ ให้ความสะดวก หรือคุ้มครองการค้าประเวณีของผู้อื่น และรับประโยชน์ไม่ว่ารูปแบบใดจากการค้าประเวณีซึ่งผู้อื่นหรือจากผู้ซึ่งค้าประเวณี(9) ร่วมกันพรากผู้เยาว์อายุกว่าสิบห้าปีแต่ยังไม่เกินสิบแปดปีไปเสียจากบิดามารดา ผู้ปกครอง หรือผู้ดูแล เพื่อหากำไรหรือเพื่อการอนาจารโดยผู้เยาว์นั้นเต็มใจไปด้วย (10) ร่วมกันชักจูง ยุยง ส่งเสริม หรือยินยอมให้เด็กประพฤติตนไม่สมควร หรือน่าจะทำให้เด็กมีความประพฤติเสี่ยงต่อการกระทำผิดและกระทำการอันมีลักษณะลามกอนาจารเพื่อให้ได้มาซึ่งค่าตอบแทนหรือเพื่อการใด

ทั้งนี้สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งว่า บาร์แห่งหนึ่ง น่าจะมีการกระทำความผิดโดยนำเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีมาแสวงหาประโยชน์ จากการเป็นเด็กนั่งดริ้ง และให้ลักลอบขายบริการทางเพศให้กับลูกค้าโดยให้ออกไปมีเพศสัมพันธ์ที่โรงแรมภายนอกร้าน ซึ่งจากการสืบสวนของเจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่าบุคคลตามที่ได้แจ้งเบาะแสไว้ดังกล่าว คือ น้องเอ(นามสมมติ) มีอายุ 17 ปีเศษ และเข้าทำงานอยู่ที่บาร์แห่งหนึ่งจริงระหว่างเดือน ธ.ค.66 ถึง  ก.พ.67 จึงได้เข้าทำการช่วยเหลือ น้องเอ(นามสมมติ) มาจากบ้านพักและพาเข้าสู่กระบวนการสัมภาษณ์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งผลจากการสัมภาษณ์คัดแยกดังกล่าว ทีมสหวิชาชีพมีความเห็นร่วมกันว่า น้องเอเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ โดยทราบข้อมูลจากการสัมภาษณ์และการสอบสวนปากคำ น้องเอผู้เสียหายว่าระหว่างเดือน  ธ.ค.66 ถึง ก.พ.67 มาทำงานเป็นพนักงานนั่งดริ้งอยู่ที่ร้านดังกล่าวจริง โดยมีหน้าที่ไปนั่งดื่มกินสุราและดูแลลูกค้า โดยลูกค้าสามารถกอด จูบ ลูบ คลำ ผู้เสียหายได้ โดยร้านจะทำการขายดริ้งให้กับลูกค้า ในราคา 150 บาท โดยแบ่งค่าคอมมิชชั่นจากดริ้งให้พนักงานจำนวน 40 บาท และผู้เสียหายยังเคยขายบริการทางเพศให้กับลูกค้า โดยทางร้านรู้เห็นและเรียกเก็บเงินค่าเสียหายเวลาจากลูกค้า จำนวน 500 บาท โดยที่บาร์มีนายสมชาย  หรือเต๊ ผู้ต้องหาที่ 1 เป็นเจ้าของ และมีนายเศรษฐา  หรือส้ม ผู้ต้องหาที่ 2 เป็น ผู้จัดการ และพนักงานแคชเชียร์ น.ส.ณัฐชาฯ หรือนัท ผู้ต้องหาที่ 3 เป็นคนเชียร์แขกและเป็นคนแนะนำโรงแรมให้กับลูกค้าพร้อมกับเดินพาไปส่งที่โรงแรมซึ่งตั้งอยู่ใกล้เคียงร้าน โดยผู้ต้องหาทั้งสามแสวงหาประโยชน์จากการค้าประเวณีของผู้เสียหายร่วมกัน จึงได้ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน และพนักงานสอบสวนได้รวบรวมพยานหลักฐานขอออกหมายจับผู้ต้องหาทั้งสามคนดังกล่าวไว้ในความผิดดังกล่าวข้างต้น

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.2 บก.ปคม. ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา ร่วมกันจับกุม นายสมชาย  ได้ที่บริเวณลานจอดรถของห้าง ถนนพัทยาเหนือ ม.6 ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี จับกุมนายเศรษฐา  ได้ที่บริเวณถนนเลียบชายหาด ตรงข้าม สภ.เมืองพัทยา ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี และจับกุมน.ส.ณัฐชา  ได้ที่หน้าร้านแห่งหนึ่ง ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี โดยชุดจับกุมนำตัวส่งพนักงานสอบสวน กก.2 บก.ปคม.ดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป

สอบถามคำให้การผู้ต้องหาเบื้องต้น นายสมชาย  หรือเต๊ ผู้ต้องหาที่ 1 ให้การปฏิเสธโดยอ้างว่าผู้เสียหายเพียงมาเที่ยวที่ร้าน นายเศรษฐา หรือส้ม ผู้ต้องหาที่ 2 และน.ส.ณัฐชา หรือนัท ผู้ต้องหาที่ 3 ไม่ให้การใด ๆ