"มายด์"เสนอ "นิรโทษกรรม" คดี ม.112 คลี่คลายความขัดแย้งการเมือง

2024-03-14 16:52:50

 "มายด์"เสนอ "นิรโทษกรรม" คดี ม.112 คลี่คลายความขัดแย้งการเมือง

Advertisement

"มายด์"เสนอ "นิรโทษกรรม" คดี ม.112 ด้วย  หวังคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง  

เมื่อวันที่ 14 มี.ค. 67 ที่รัฐสภา น.ส.พูนสุข พูนสุขเจริญ ทนายความจากศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนพร้อมด้วย น.ส.ภัสราวลี ธนกิจวิบูลย์ผล หรือ  "มายด์" ตัวแทนเครือข่ายนิรโทษกรรมประชาชน เดินทางเข้าให้ข้อมูลต่อคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร

น.ส.ภัสราวลี กล่าวว่า ทาง กมธ.ได้เชิญคนที่มีส่วนร่วมในการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา มาร่วมพูดคุยด้วยเพื่อให้ข้อมูลข้อเท็จจริงถึงเหตุจูงใจในการออกมาชุมนุมออกมาใช้สิทธิ์เสรีภาพในครั้งนั้นเกิดจากอะไร ซึ่งตนคิดว่าเป็นโอกาสที่ดีที่พวกเราจะได้อธิบายขยายความว่าการชุมนุมตั้งแต่ปี 2563 นั้นมี เหตุจูงใจที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องสถาบันกับการเมืองไทยด้วยเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นประเด็นถกเถียงที่คนในสังคมถกเถียงกันอย่างมาก และปฏิเสธไม่ได้ว่าจำนวนคดีมาตรา 112 ที่เกิดขึ้นก็เป็นหนึ่งในความขัดแย้งที่ถูกสะสมมาและอาจจะก่อตัวเป็นความขัดแย้งที่รุนแรงกว่านี้ได้ในอนาคต การนิรโทษกรรมถ้าหากจะให้เกิดขึ้นได้ประสิทธิภาพจริงๆ จำเป็นจะต้องนิรโทษกรรมรวม มาตรา 112 ด้วย เพื่อให้การคลี่คลายความขัดแย้งทางการเมือง ได้คลี่คลายที่จุดเริ่มต้นของปัญหาจริงๆ คนที่โดนคดีมาตรา 112 อยู่ตอนนี้ยังคงถูกขังอยู่ในเรือนจำมีอยู่อีกเยอะ ถ้าหากนิรโทษกรรมคดีอื่นๆ แต่แยกมาตรา 112 ออกไป เราจะพูดได้อย่างไรว่า เราได้คืนความเป็นธรรมให้กับประชาชนที่ออกมาใช้เสรีภาพทั้งหมดแล้วจริงๆ 

ด้านน.ส.พูนสุข กล่าวว่า ศูนย์ทนายความสิทธิมนุษยชนได้เก็บข้อมูลมาตั้งแต่ปี 2557-2562 มีผู้ที่ถูกดำเนินคดีที่ศาลทหารแล้ว 2,400 คน และหลังจากยกเลิกศาลทหาร ก็มีในศาลยุติธรรมอีกหลายร้อยคน ซึ่งคดีที่ยังมีความเคลื่อนไหวและเป็นที่สนใจมากที่สุดขณะนี้ก็คือคดีเกี่ยวกับการชุมนุมตั้งแต่ เดือน ก.ค.63 เป็นต้นมา ซึ่งมีผู้ที่ถูกดำเนินคดีทางการเมืองแล้ว 1,957 คน และมีตัวเลขเพิ่มขึ้นทุกเดือน แม้จะไม่มีการชุมนุม ซึ่งคดีที่เพิ่มขึ้นเกิดจากการ โพสต์ข้อความในทางออนไลน์ และคดีมาตรา 112 ดังนั้นเราจึงคิดว่าประเด็นสำคัญที่จะนำมาพูดคุยกันในวันนี้คือ คดีทางการเมืองโดยเฉพาะอย่างยิ่งคดี 112 ว่าทำไมจะต้องนิรโทษกรรม มาตรา112 และทำไมที่จะต้องนิรโทษกรรม และต้องนิรโทษทุกคดีโดยที่ไม่มีการเลือกปฏิบัติ

เมื่อถามว่า ข้อมูลของศูนย์ทนายฯ สามารถนำมายืนยันได้หรือไม่ว่า คดีมาตรา 112 ทั้งหมดมีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง น.ส.พูนสุข กล่าวว่า ข้อมูลของศูนย์ทนายฯ มีมากกว่าตัวเลขของ กมธ.ที่ออกมาบอกก่อนหน้านี้ คดีของเราเป็นคดีที่เกิดขึ้นจากเสรีภาพทางการแสดงออก และคดีที่เกี่ยวเนื่องกับการรัฐประหาร ต้องบอกว่าบางคดีของมาตรา 112 หรือมาตราอื่นที่ขึ้นศาลทหาร อาจจะไม่มีแรงจูงใจทางการเมืองด้วยซ้ำ ในบางกรณี เช่น คนที่มีอาการทางจิตเวช ถูกดำเนินคดี มาตรา 112 หรือไม่ได้มีมูลเหตุจูงใจทางการเมือง แต่กลับถูกดำเนินคดีมาตรา 112 ด้วย ซึ่งเราเสนอไป 2 ส่วนคือ 1.เสนอให้มีการนิรโทษกรรมในทันทีโดยที่ไม่ต้องดูมูลเหตุจูงใจ และ 2. มาตรา 112 ก่อให้เกิดปัญหา ละเมิดสิทธิมนุษยชนด้วยตัวของมันเอง มีการบังคับใช้ที่ทำให้ประชาชนถูกละเมิดสิทธิ์ ซึ่งในคดี มาตรา112 เป็นคดีการเมืองแต่บางคนไม่ได้มีมูลเหตุทางการเมือง ซึ่งเขาสมควรจะได้รับการนิรโทษกรรมเช่นเดียวกัน

ขณะที่  น.ส.พูนสุข ได้อ่านจดหมายที่ นายอานนท์ นำภา ทนายความและนักเคลื่อนไหวทางการเมือง ที่อยู่ในเรือนจำ ฝากข้อความออกมาว่า "หลักในการมองว่านิรโทษกรรมครอบคลุมมาตรา 112 ไหม ต้องดูว่าเจตนารมณ์ในการนิรโทษกรรม คือครอบคลุมการแสดงออกในทางการเมืองหรือไม่ เพราะมาตรา 112 เป็นเรื่องทางการเมืองอย่างชัดเจน ผู้แจ้งต้องมีเจตนาซ่อนเร้นทางการเมือง การกระทำหรือข้อกล่าวหา การพูด การปราศรัย ก็เป็นเรื่องทางการเมือง หากนิรโทษก็ต้องรวมด้วย ดูว่าเจตจำนงของข้อกล่าวหาเกี่ยวกับอะไร ในประวัติศาสตร์ก็มีการรวมมาตรา 112 ด้วย หากในอดีตไม่ยกเว้น การยกเว้นในปัจจุบันก็ตลก แสดงว่ามีการเจตนากักขังนักโทษมาตรา 112