แจ้ง 3 ข้อหาหนักผัวใหม่หึงโหดฆ่า "นางฮ้อย" มัดศพถ่วงน้ำเขื่อนลำปาว ยอมรับก่อเหตุอ้างหึงหวงระแวงเมียไปมีคนอื่น
จากกรณีที่นางสมพิศ เสนากิจ อายุ 53 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นนางฮ้อยเลี้ยงควายขายถูกฆาตกรรมโหดถูกมีดแทงคอและร่างกายพรุนรวม 7 แผล ก่อนเชือกรัดคอลากศพมัดกับต้นไม้ถ่วงน้ำบริเวณริมน้ำเขื่อนลำปาวพื้นที่บ้านโนนศาลา ต.ภูดิน อ.เมือง จ.กาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 13 มี.ค.67 ที่ผ่านมา เบื้องต้น พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุ และจากการสอบสวนของตำรวจพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายสำราญ สิงสุวรรณ อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นสามีใหม่ของผู้เสียชีวิต สาเหตุคาดว่าเกิดจากความหึงหวง และหลังก่อเกิดได้หลบหนีไป จึงสั่งการให้ชุดสืบสวนเร่งติดตามตัวตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดวันที่ 14 มี.ค.67 พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ เปิดเผยว่า หลังเกิดเหตุตำรวจลงพื้นที่ตรวจสอบเก็บรวบรวมหลักฐานและสอบปากคำพยานพบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายสำราญ สิงสุวรรณ อายุ 59 ปี ซึ่งเป็นแฟนใหม่ อดีตมีประวัติเคยติดคุกอยู่กินฉันท์สามีภรรยากับผู้เสียชีวิตได้ประมาณเกือบ 2 ปี หลังเกิดเหตุได้หลบหนีไป ซึ่งขณะนี้พนักงานสอบสวนสภ.ลำปาวรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อขอศาลอนุมัติหมายจับนายสำราญแล้ว และศาลได้ออกหมายจับ ข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยเจตนาและพาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมกับส่งชุดสืบสวนทั้ง สภ.ลำปาว และชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ลงพื้นที่แกะรอยเร่งไล่ล่าติดตามตัว มาดำเนินคดี
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ กล่าวอีกว่า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับผู้นำชุมชนสามารถจับกุมตัวนายสำราญได้แล้วเมื่อช่วง 23.00 น.ที่ผ่านมาที่พื้นที่บ้านศรีบุญเรือง ต.เสาเล้า อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ หลังจากกำลังจะไปขอหลบซ่อนตัวที่บ้านเพื่อนที่บ้านคำน้อยดอนม่วย ต.เสาเล้า แต่ถูกจับก่อน พร้อมของกลางอาวุธมีดที่ใช้ก่อเหตุ และเสื้อผ้าเปื้อนเลือด ซึ่งเบื้องต้นเจ้าตัวรับว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุจริง ส่วนสาเหตุเบื้องต้นคาดว่าเกิดจากความหึงหวงและหวาดระแรงว่าภรรยาจะไปมีคนอื่น
ด้านนางจิรารัตน์ ภูชัยแสง อายุ 52 ปี น้องสะใภ้ผู้เสียชีวิต ระบุว่า ก่อนหน้านี้ เท่าที่ทราบนายสำราญได้ทำร้ายร่างกายนางสมพิศมาหลายครั้ง และเคยได้ยินป้าพูดเรื่อง สามีทำร้ายร่างกายและขู่ฆ่ามาหลายครั้งด้วย แต่ไม่คิดว่า เหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นจริง และเป็นการลงมือด้วยความโหดร้าย ส่วนตัวอยากให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการทางกฎหมายให้คนก่อเหตุได้รับโทษสูงสุดถึงขั้นประหารชีวิตให้ตายตามกันไปเลย
ล่าสุด พล.ต.ต.ตรีวิทย์ ศรีประภา ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์เข้าติดตามความคืบหน้าของคดีที่ สภ.ลำปาว และนำตัวนายสำราญ ผู้ต้องหา มาสอบปากคำร่วมกับพนักงานสอบสวน โดยมี พ.ต.ท.อติวัณณ์ หวลศรีไทย สว.สภ.ลำปาว และ ร.ต.อ.เริงศักดิ์ แก้วเสน่ห์ใน ร้อยเวร สภ.ลำปาว เจ้าของคดีรายงานความคืบหน้า ทั้งนี้ระหว่างเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวออกมาจากห้องขังผู้สื่อข่าวได้พยายามถามถึงสาเหตุการลงมือฆ่าภรรยาแต่นายสำราญไม่ยอมตอบคำถาม
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ เปิดเผยว่า หลังสอบปากคำผู้ต้องหานานกว่า 2 ชั่วโมงได้ให้การรับสารภาพว่า วันเกิดเหตุได้แอบตามนางสมพิศที่นำควายไปเลี้ยงบริเวณเกิดเหตุ จากนั้นได้ยินนางสมพิศ ซึ่งกำลังนอนเล่นที่เปลในกระท่อมคุยโทรศัพท์กับใครไม่รู้ แต่คาดว่าน่าปลายสายน่าจะเป็นผู้ชาย ด้วยความหวาดระแวงว่าจะมีชายอื่น และเดิมมีนิสัยหึงหวงอยู่แล้ว นายสำราญจึงนำเชือกไปรัดคอนางสมพิศ พร้อมกับนำมีดปลายแหลมที่พบมากระหน่ำแทงไปที่ลำตัว และคอหลายครั้งจนแน่นิ่ง ก่อนจะลากศพลงไปในน้ำแล้วใช้เชือกมัดคอและผูกไว้กับต้นไม้ในน้ำเขื่อนลำปาว เพราะกลัวคนมาเห็น และได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป กระทั่งถูกตำรวจตามจับกุมตัวได้
พล.ต.ต.ตรีวิทย์ กล่าวอีกว่า หลังสอบปากคำเสร็จแม้ผู้ต้องหาจะให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา แต่ไม่ประสงค์ไปชี้จุดหรือทำแผนประคำรับสารภาพในที่เกิดเหตุ เนื่องจากเกรงว่าจะได้รับอันตราย ซึ่งก็เป็นสิทธิ์ของผู้ต้องหาตามกฎหมาย ซึ่งพนักงานสอบสวน สภ.ลำปาวจึงได้แจ้งข้อหา 1.ฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา 2.ปิดบังซ่อนเร้นอำพรางศพ และ 3.พาอาวุธมีดไปในเมืองหมู่บ้านหรือทางสาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร พร้อมนำตัวไปฝากขังดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป