"เสรี"ชี้อภิปรายพุ่งเป้ากระบวนการยุติธรรมถูกการเมืองแทรกแซง

2024-03-11 14:35:41

"เสรี"ชี้อภิปรายพุ่งเป้ากระบวนการยุติธรรมถูกการเมืองแทรกแซง

Advertisement

 "เสรี"ชี้อภิปรายรัฐบาลพุ่งเป้ากระบวนการยุติธรรมถูกการเมืองแทรกแซง  ทำให้การใช้กฎหมาย การให้ความเป็นธรรมมีหลายมาตรฐาน

เมื่อวันที่ 11 มี.ค. 67 ที่รัฐสภา นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.กล่าวถึงกรณีการเตรียมความพร้อมในการอภิปรายของ ส.ว. ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ว่า มีความพร้อม ขณะนี้มี ส.ว.แสดงความจำนง ขออภิปราย 33 คน แต่รัฐบาลกำหนดเวลาให้อภิปราย 12  ชม. จึงทำให้ระยะเวลาที่กำหนดไว้ มีปัญหา ดังนั้นจะต้องมีการทำความเข้าใจและตกลงร่วมกันว่า จะทำอย่างไรให้ได้สาระมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ซึ่งคงจะต้องมีการขอความร่วมมือเพื่อปรับลดจำนวนคน รัฐบาลเห็นความสำคัญ ใจกว้างหน่อย ก็น่าจะจัดเวลาให้ได้สัก 2 วัน เพื่อประโยชน์ต่อประชาชน ซึ่งจริงๆ ไม่น่าไปจำกัดอะไรกันมากมาย ทั้งนี้มีเรื่องที่สมาชิกแสดงความจำนงอภิปรายไว้มากที่สุด คือ เรื่องเศรษฐกิจ ปากท้อง ความลำบากของประชาชน ที่รัฐบาลจะแก้ปัญหาด้วยการแจกเงินดิจิทัล ซึ่งเป็นการแก้ผิดทาง

เมื่อถามว่า จะถือเป็นการทิ้งทวนการทำงานของ ส.ว. .ได้หรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า ก็อาจจะบอกได้ เพราะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายแล้วจะทิ้งทวน ทิ้งหอก ทิ้งดาบอะไร ก็ถือเป็นช่วงเวลาสุดท้ายที่เราพยายามทำให้ดีที่สุด ในช่วงเวลาที่ผ่านมา เราไม่ค่อยมีโอกาสแบบนี้ เพราะกว่าสมาชิกจะทำความเข้าใจ ก็ไม่ง่าย ถ้าเข้าใจกันง่ายๆ คงยื่นไปตั้งแต่รัฐบาลที่แล้ว เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่เป็นประโยชน์ รัฐบาลควรต้องเข้าใจ ส.ว. เองก็ต้องเข้าใจ ไม่ใช่ยื่นอภิปราย แล้วจะกลายเป็นล้มรัฐบาล ไม่ใช่เรื่องเหล่านั้นเลย

เมื่อถามถึง กรณีที่รัฐบาลอาจจะอ้างได้ว่ายังไม่ได้ใช้งบประมาณนั้น ส.ว.จะมีการอภิปรายเกี่ยวกับเรื่องใช้งบประมาณหรือไม่ นายเสรี กล่าวว่า เรื่องนี้รัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้วไม่เกี่ยวกับเรื่องใช้งบประมาณหรือไม่ เพียงแต่มีคนในรัฐบาลเอามาอ้างว่า สิ่งนี้ยังไม่ทำเพราะไม่มีงบประมาณ มันไม่ใช่ รัฐบาลสามารถใช้งบประมาณตามกฎหมายเดิมได้อยู่แล้ว พอกฎหมายใหม่ออกมา รัฐบาลก็เอามาใช้ได้ เพราะจำนวนเงินก็จำนวนเงินเดิมเป็นเพียงข้ออ้างเท่านั้น ถ้าพูดอย่างนี้ คนไม่รู้ไม่เข้าใจ ก็ไปเชื่อคนที่อ้าง เป็นคนละเรื่อง ไม่มีงบประมาณ แต่มีกฎหมายที่จะสามารถจัดงบประมาณ ได้อยู่แล้ว

ต่อข้อถามว่า  มีการประเมินภายหลังจาก ส.ว. หมดวาระ อาจมีแรงกระเพื่อมไปถึงขั้นเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี นายเสรี กล่าวว่า ก็อาจถูกมองได้ การเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี มีการพูดกันมาช่วงเวลาหนึ่งแล้ว มีนายกรัฐมนตรี 2 คนบ้าง 3 คนบ้าง ตนก็ยังภาวนาให้รัฐบาลและนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอยู่ให้ถึงวันที่ 25 มี.ค. ถ้าอยู่ก็จะได้อภิปรายกัน ถ้าเปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรี ก่อนหน้าวันที่ 25 มี.ค. คณะรัฐมนตรี ก็ต้องหมดไป การอภิปรายก็อาจจะสิ้นผลไป ซึ่งการเมืองตอนนี้กระเพื่อมอยู่ทุกวัน เพราะประเด็นปัญหาในการบริหารประเทศมีเยอะ แต่รัฐบาลแก้อะไรที่เป็นรูปธรรมไม่ได้ สิ่งที่พูดมาเป็นเรื่องการชี้แจงที่สัมผัสไม่ได้ มีแต่พูดกันรายวัน แต่ไม่เห็นมีอะไรชัดเจน ที่ชัดเจนที่สุดตอนนี้คือสถิติไปต่างประเทศ เกือบ 200 วัน ซึ่งก็ถูกวิพากษ์วิจารณ์มากว่า แทนที่จะเอาเวลามาบริหารประเทศ เอาเวลามาทำประโยชน์ให้กับประชาชน มาพูดคุยมาทำความเข้าใจให้กับสภา กลับทำให้เสียโอกาส เมื่อถูกวิพากษ์วิจารณ์มากๆ ความเชื่อถือก็จะเสื่อมลง เพราะไม่เห็นความตั้งใจในการแก้ไขปัญหาประเทศ  ตรงนี้ก็อาจจะเป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้เปลี่ยนตัวนายกรัฐมนตรีก็ได้ แต่ก็ต้องอยู่ที่คนที่มีกำลังในทางการเมืองเป็นคนตัดสินใจ เห็นอยู่แล้วว่าไม่ใช่นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันเป็นคนตัดสินใจ นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบันอยู่ด้วยจมูกคนของคน เพราะฉะนั้น ก็ขึ้นอยู่ที่คนที่มีอำนาจจริงๆ ว่าจะตัดสินใจอย่างไร

เมื่อถามว่าจะต้องมีการจำกัดขอบเขตไม่ให้อภิปรายถึงบุคคลภายนอกหรือไม่ เนื่องจากสมาชิกหลายคนอยากจะอภิปรายถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี นายเสรี กล่าวว่า การพูดเรื่องเหล่านี้ ไม่จำเป็นต้องเอ่ยชื่อคนนอกด้วยซ้ำไป เพราะหลักการคือเรื่องกระบวนการยุติธรรม ที่เป็นหลักสำคัญของบ้านเมือง ถูกกระบวนการทางการเมืองเข้าไปแทรกแซง และทำให้การใช้กฎหมาย การให้ความเป็นธรรมมีหลายมาตรฐาน พูดแค่นี้ก็เข้าใจ ก็มองเห็นแล้วว่า ปัญหาของประเทศ และกระบวนการยุติธรรมอยู่ตรงไหน