"รัดเกล้า" อัด "ก้าวไกล" อย่านำประเด็นการเมืองมาคละรวมก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จ

2024-02-12 10:04:54

 "รัดเกล้า" อัด "ก้าวไกล" อย่านำประเด็นการเมืองมาคละรวมก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จ

Advertisement

"รัดเกล้า"อัด "ก้าวไกล" อย่าชักแม่น้ำทั้งห้า นำประเด็นการเมืองมาคละรวมกับการก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จ   

เมื่อวันที่ 12 ก.พ.67 นางรัดเกล้า อินทวงศ์ สุวรรณคีรี  รองโฆษกพรรครวมไทยสร้างชาติ กล่าวว่า ตอนนี้คนพรรคก้าวไกลพยายามชักแม่น้ำทั้งห้า นำประเด็นการเมืองมาคละรวมกับการก่อเหตุก่อกวนขบวนเสด็จ โดยใช้วาทะกรรม "หลักการคนเท่ากัน"  "สิทธิและเสรีภาพ"  และ "คนรุ่นใหม่" สร้างข้ออ้างให้คนทำผิด ชักนำให้สังคมมองผิดเป็นถูก และสร้างสภาวะแตกแยกในประเทศ พรรครวมไทยสร้างชาติตั้งข้อสังเกตในคำให้สัมภาษณ์ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ว่าทำไมถึงเจาะจงพูดถึงคนรุ่นใหม่ เป็นหลัก ทั้งๆ ที่การก่อกวนขบวนเสด็จนั้นเป็นการละเมิดกฏหมายและมาตรการในการอารักขาบุคคลสำคัญโดยเจตนา เป็นการใช้อารมย์ขับเคลื่อนการกระทำจนสร้างความเสี่ยงให้กับผู้อื่นที่ร่วมใช้ท้องถนนของคนรุ่นใหม่เพียงกลุ่มเดียว ซึ่งไม่ได้สะท้อนถึงความต้องการของคนรุ่นใหม่ทั้งประเทศ เพราะยังมีคนรุ่นใหม่อีกมากที่ไม่เห็นด้วยกับการกระทำนี้

นอกจากนั้น ที่นายพิธากล่าวว่า กังวลใจถึงสถานการณ์บ้านเมืองและอนาคตของคนรุ่นใหม่ทั้งๆ ที่คนทุกรุ่นนั้นควรที่จะมีความสำคัญเท่ากันหมด ทุกคนมีสิทธิ ความเชื่อ และความศรัทธาที่หลากหลาย หากแต่มีเพียงคนรุ่นใหม่บางกลุ่มที่เอาความเชื่อของตนเป็นใหญ่ อ้างคำว่า “หลักการคนเท่ากัน” เพื่อนำสิทธิในการแสดงออกของตนมาเบียดเบียนสิทธิผู้อื่น ละเมิดสถาบันอันเป็นที่ศรัทธาของคนส่วนใหญ่  สถานการณ์ดังกล่าว มีประเด็นหลักๆ ตามที่กล่าวไว้ข้างต้น ไม่มากไปกว่านั้น  การที่ น.ส.ภคมน หนุนอนันต์ รองโฆษกพรรคก้าวไกล ออกมาแก้ต่างให้กับคำพูดของนายพิธาว่ามีเจตนาที่จะเชิญชวนให้สังคมมองกรณีตะวันและเหตุการณ์ขบวนเสด็จโดยไม่แยกขาดจากการเมืองภาพใหญ่  ในประเด็นนี้ต้องขอให้ รองโฆษกฯ ภคมน และสมาชิกพรรคก้าวไกลทั้งหมดกลับไปทบทวนบทบาทและความรับผิดชอบในการเป็นนักการเมืองที่เป็นผู้นำทางความคิดให้แก่คนในสังคม เจอคนทำผิดก็ต้องกล้าพูดตรงๆ ว่าผิด วอนขอให้เลิกฉุดรั้งนำประเด็นการเมืองที่พรรคของตนอยากผลักดัน เข้ามาสร้างความชอบธรรมให้กับการกระทำที่ผิด ตราบใดที่คนในการเมืองยังใช้วาทกรรมเพื่อชักแม่น้ำทั้งห้า เพื่อชักนำกรอบความคิดสังคมให้หลุดออกจากประเด็นหลัก แล้วเอาประเด็นการเมืองมาผูกเป็นข้ออ้างให้พฤติกรรมผิดกฏหมายเยี่ยงนี้ เรื่องเล็กจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ และสังคมจะเดินหน้าไปสู่ความแตกแยก อย่าอ้างถึง “สังคมไทยที่ยังไม่มีพื้นที่ให้คนเห็นต่างพูดคุยเพื่อหาทางออก” เพราะไม่เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้นตอนนี้ อีกทั้ง คนกลุ่มนี้ก็ใช้พื้นที่ในการแสดงออกมาตลอด ทั้งนี้ ที่ผ่านมาก็แสดงความคิดเห็นที่ขัดกับกฏหมายแล้วโดนดำเนินคดีมาโดยตลอดนั้น ถือเป็นการใช้พื้นที่ฯ อย่างไม่เหมาะสมมากกว่า ไม่ใช่ประเด็นว่าไม่มีพื้นที่

"สุดท้าย อย่าใช้คำว่า นิติสงครามกดปราบผลักไสอีกฝ่ายเป็นคนไม่รักชาติ  ประเด็นแรก คนไทยทุกคนอยู่ภายใต้กฏหมายเดียวกัน บางกลุ่มเลือกที่จะมีพฤติกรรมที่ผิดกฏหมายและละเมิดสถาบันที่เป็นความมั่นคงของชาติ บางคนทำซ้ำแล้วซ้ำอีกจึงถูกดำเนินคดีตามกฏหมายในระดับที่รุนแรง ในขณะที่ประชาชนกลุ่มใหญ่ที่อยู่ใต้กฏหมาย ไม่ได้เห็นว่ากฏหมายคืออาวุธที่ใช้ในการทำสงคราม ฉะนั้น คุณจะเรียกสิ่งนี้ว่านิติสงครามไม่ได้ และประเด็นที่สอง คนจะตีความว่าประชาชนคนไหนรักหรือไม่รักชาตินั้น อยู่ที่การกระทำของตนเอง ไม่มีใครผลักไสใครทั้งนั้น" นางรัดเกล้า กล่าว