“เจนนี่” เปิดใจป้อง “ยิว” ไม่ใช่คนชอบทำร้ายร่างกายเมีย ลั่น 2 เรื่องที่จะไม่ทน! พ้อสุขน้อยลง เกิดช่องว่างครอบครัว ลุ้น! ประจำเดือนไม่มา !
ตอนแรกจะยกครอบครัวมาเปิดใจคุยเรื่องราวดราม่าที่กำลังเป็นข่าวสนั่นอยู่ในตอนนี้ แต่ล่าสุด “เจนนี่ ได้หมดถ้าสดชื่น” เดินทางมาเคลียร์ทุกเรื่องราวด้วยตัวเอง ทั้งดราม่าที่ “ยิว ฉัตรมงคล” ปาของใส่หัวระหว่างไลฟ์สดจนทัวร์ลงฉ่ำ “น้องยูจิน” กลายเป็นขวัญใจชาว Tiktok ยอดวิวฉ่ำๆ ทะลุล้าน รวมทั้งแผนปั๊มลูกปีมังกร ผ่านทางรายการ คุยแซ่บshow
จริงๆ ต้องมา 3 ทำไมวันนี้มาคนเดียว?
“ยูจินแพ้ยุงค่ะ ตาบวมด้านขวา โดนดราม่าอยู่เลยตอนนี้ ส่วนสามีนัดแข่งบอลสำคัญ เลยมาคนเดียว”
ล่าสุดเจอประเด็นดราม่าเต็มไปหมด ต้นปีที่ผ่านมาครอบครัวนี้เจอเรื่องหนักๆ มากๆ 32 วัน 3 พันกว่าเรื่องราว สภาพจิตใจเป็นไงบ้าง?
“จริงๆ ก็น่าจะปีที่แล้ว ก็รอเหมือนกันว่าเมื่อไหร่ดวงจะเปิดเสียที เพราะก็ยังเจอเรื่องอยู่ สภาพจิตใจแข็งแรงเหมือนเดิมค่ะ มีเสียใจบ้าง มีความสุขบ้าง หัวเราะบ้าง ร้องไห้ปะปนกันไป”
ล่าสุดระหว่างไลฟ์ คุณสามีเหมือนโยนของใส่เรา เล่าให้ฟังหน่อยเกิดอะไรขึ้น?
“ก็งอนกันจริงๆ ในไลฟ์นั่นแหละค่ะ แค่ที่เขาปากล่อง หนูคอนเฟิร์มว่าเป็นการหยอกแหละ เพราะเขาคงไม่ทำอะไรรุนแรงหน้าไลฟ์ออกมา เพราะมันผ่านโซเชียล ตอนปากล่องมันหยอก แต่พอคนตัดคลิปไปลงใส่ดนตรี ใส่เสียงเข้าไป มันก็ดูแรง กลายเป็นว่าเฮ้ย ยิวไม่ให้เกียรติ ยิวทำร้ายผู้หญิงเหรอ แต่ส่วนตัวหนูก็รู้ว่าเขาหยอก แต่มันก็ได้รับบทเรียนนะว่าต่อไปหยอกหรือจริงก็ห้ามทำอีกต่อไป เพราะตอนนี้ทัวร์ลงยิวฉ่ำมาก เราไม่เคยทำร้ายร่างกายกัน ถ้าใครติดตามจะรู้ว่ายิวเป็นคนชอบเล่นแรง ยูจินก็โยน เจนนี่ก็อุ้มโยน ชอบจับหัว แต่คนมองว่าบริเวณหัวไม่ควรมาเล่นกัน ไม่ควรปาอะไรใส่ มันกลายเป็นว่ายิวไม่ให้เกียรติเจนนี่นะ”
แล้วงอนเรื่องอะไรกัน?
“หนูแซวเขาเรื่องผู้ชาย (หัวเราะ) ซึ่งเซนซิทีฟมากของครอบครัวนี้ ต่างคนต่างขี้หึง ถ้ายิวเล่นไม่ได้ เจนนี่ก็ต้องห้ามเล่น แล้ววันนั้นบวกกับเราทำงานเหนื่อยมาทั้งวัน แล้วก็ไปแซวผู้ชายเรื่องหอมแก้ม (หัวเราะ) เราติดตลก เราเคยปรับกันมาหลายรอบ ยิวเคยบอกหลายรอบว่าภาพลักษณ์ตรงนี้ที่อยากให้เจนนี่ดีขึ้น ถ้ามีสามีแล้วอย่าไปหยอกผู้ชาย แล้วผู้ชายที่เราแซวคือน้องนุ๊ก ซึ่งมีแม่ยกเยอะมาก ถ้าแม่ยกเขาแอนตี้ ไม่ชอบเจนนี่ เขาก็เป็นห่วงตรงนั้นไป แต่สิ่งหนึ่งที่เขาผิดเหมือนกันคือเขาไม่ควรออกอาการหน้าไลฟ์ตรงนั้น ควรคุยกันหลังบ้าน วันนั้นเราคุยกันด้วยอารมณ์ด้วยแหละค่ะ”
คนมองรุนแรง ไม่ให้เกียรติ หลายคนก็ถล่มยิว และมองว่าหรือเป็นคอนเทนต์?
“จริงๆ เราไลฟ์ขายของวันนึงแทบจะครึ่งวันแล้วค่ะ ไม่ต้องทำคอนเทนต์ มีน้องยูจินคนก็ติดตามกันเยอะ แต่วันนั้นคอนเฟิร์มเลยว่าถ้าคอนเทนต์ต้องเล่นแรงกว่านั้น มันไม่ใช่คอนเทนต์ หนูก็ช็อตฟีลเหมือนกันนะว่าจะไปสถานการณ์ไหนดี นี่จริงหรือเล่น หยอกจริง หรืองอนจริง หรือแค่ล้อเล่นให้คนบันทึกหน้าจอ แต่สุดท้ายเขาก็งอนนี่แหละค่ะ”
มารู้ตอนไหนว่าไม่เล่นแล้วนะ?
“ตอนหนูเรียกเขามาในไลฟ์ แต่สภาพจิตใจเขาไม่พร้อมแล้ว เขาก็ส่งข้อความมาว่าลงไลฟ์แล้วค่อยคุยกัน วันนั้นหนูก็ยังไม่รู้ จะทำยังไงดี พรุ่งนี้เป็นข่าวแน่เลย แล้วคนรอซ้ำเติมเรามีเยอะมากเลยนะ ฉันไม่อยากทัวร์ลงแล้ว ก็ตั้งสตินิดนึงแล้วออกจากไลฟ์ ตั้งแต่ลงไลฟ์ไป ตื่นเช้ามาข่าวเต็มทุกสำนักเลย โดนอีกแล้วฉัน”
แต่ทัวร์ไปลงยิวมากกว่า?
“ใช่ค่ะ เพราะเขามองว่าผู้ชายไม่ควรทำแบบนั้นกับผู้หญิง”
ฟีลยิวรู้สึกยังไงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนั้น?
“ตอนไม่เป็นข่าว เขาเองก็บอกว่าเขาหยอก เขาไม่ได้ตั้งใจ แต่พอเป็นข่าว เขาก็เครียดค่ะ เขาถามหนูซ้ำๆ ว่าจริงเหรอ เขาไม่ดีขนาดนั้นเลยเหรอ ที่เขาทำมาทั้งหมด มันสูญเสียไปกับเหตุการณ์นี้เลยใช่มั้ย หนูก็บอกว่าไม่หรอก ข้อดีคือเป็นการตลาดไง มีชาเราอยู่ในคลิปด้วย อีกข้อคือบางทีสิ่งที่เราทำก็เป็นกระจกซึ่งกันและกัน เราก็บอกกันได้ไม่เท่าไหร่ ต้องให้คนนอกพูดนี่แหละเราจะได้ไปในทางที่ดีขึ้น ก็ถือว่าเป็นบทเรียน ดีแค่ไหนที่อีกวันเรามานั่งจับมือและเปิดใจคุยกัน กับบางคู่ที่เขาไม่เปิดใจแล้วเขาเลิกกันไปเลย ก็มองว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ”
ตื่นมาคอมเมนต์เยอะแยะมากมาย ยิวจิตตก ได้จับมือเปิดใจเคลียร์กัน?
“ตอนแรกจะเคลียร์แค่เรื่องนี้ แต่อารมณ์มันพาไปอีกแล้ว ขนาดหนูประสบการณ์เยอะ ฉันก็เบรกตัวเองไม่ได้เหมือนกัน เราก็ไหนๆ เคลียร์แล้ว เคลียร์กันต่อเลย เพราะมีอีกหลายเรื่อง ที่บางทีเคลียร์กันสองคน หนูคิดว่าหนูถูก เขาก็คิดว่าเขาถูก ไม่มีใครตัดสิน พ่อแม่เราไม่เอามายุ่งอยู่แล้ว งั้นลองถามผู้ชมในไลฟ์ซิ”
เรื่องในบ้านควรอยู่ภายในบ้าน ทำไมเลือกจับเข่าคุยกัน แล้วไลฟ์ให้คนอื่นดูการเคลียร์ของเราด้วย?
“ข้อแรกคือเรื่องเกิดหน้าไลฟ์ แล้วทุกคนคิดว่าเรารุนแรงแน่นอน เราก็คิดว่าเคลียร์กันหน้าไลฟ์ แต่มันเบรกไม่อยู่ เพราะตอนแรกเราตั้งใจจะเคลียร์กันแค่เรื่องนี้ แต่มันยาวเลย พอเคลียร์เรื่องปากล่องจบ ต่างคนต่างปรับตัว เขาบอกว่าจะไม่แสดงอาการอะไรแบบนี้หน้าไลฟ์อีกแล้ว เขาขอโทษ หนูก็ขอโทษที่แซวเรื่องผู้ชายแรง เรื่องต่อไปก็เรื่องที่หนูทำงานมากเกินไป จนเขารู้สึกว่าช่องว่างระหว่างเรามันเยอะมาก จากเมื่อก่อนได้ไปกินข้าว ไปเที่ยวกันบ่อย ได้นอนกอดกันทุกคืน กลายเป็นว่าตีหนึ่ง ตีสองหนูยังนั่งไลฟ์อยู่ ตอนแรกหนูให้โอกาสเขาพูดหนูก่อน เขาบอกว่าหนูทำงานเยอะเกินไป เงินสำคัญแหละ แต่ลูกก็เป็นเด็กครั้งเดียว เขาอยากไปเที่ยวกับเมียบ้าง บางทีโทรไปก็ไม่ว่างถ่ายรายการ ถ่ายรายการเสร็จก็มานั่งไลฟ์ ก็อยากให้หนูบาลานซ์หน่อย ถ้าวันนี้ถ่ายรายการก็ไลฟ์น้อยลง หรือมีคอนเสิร์ตวันนี้ก็ไม่ต้องไลฟ์ได้มั้ย จะได้มีเวลามากขึ้น”
ยอมรับมั้ย?
“ยอมรับว่าหนูบ้างานหนักมาก หนูยอมรับในไลฟ์เลยว่าชีวิตหนูอาจโดนฝังว่าต้องขับเคลื่อนด้วยเงินมากเกินไปหน่อย”
ตีสองตีสามยังไลฟ์อยู่?
“นี่แหละ หนูมองว่าพอทำงานหนักเกินไปจนเราลืมซึ่งกันและกัน หนูก็ลืมถามว่ากินข้าวหรือยังวันนี้ ตื่นกี่โมง ไปไหนบ้าง ลืมไปหมดเลย ในหัวคิดว่าจะไลฟ์อีกรอบกี่โมง แล้วช่วงนี้เป็นช่วงปังจริงๆ หนูคิดตลอดว่าพรุ่งนี้หนูจะไม่ดัง โอกาสแบบนี้ไม่ได้มีบ่อยๆ ก็เลยทำๆ จนครอบครัวมีช่องว่าง”
นอกจากเรื่องเวลา มีเรื่องอะไรอีกบ้าง?
“เขาบอกหนูแค่ลดเรื่องงานได้เขาโอเคหมด เพราะตอนคบกับหนูเขาแฮปปี้มาก ตอนคบใหม่ๆ หนูไปเป็นแม่บ้านตอนเขาเป็นตร. เขารู้สึกว่าหนูไม่ต้องหาเงินเขาก็เลี้ยงได้ แต่สำหรับหนูไม่ใช่แค่นั้นไง เพราะหนูมีข้างหลังที่ใหญ่มาก หนูห่วงลูก อยากให้เขาเรียนแพงๆ อยู่ในจุดที่เราไม่เคยได้อยู่ ก็เลยกดดันตัวเองมากไปหน่อย ทีนี้พอพูดข้อเสียหนูเสร็จ คนในไลฟ์ก็ช่วยตัดสินว่าจริง เพราะตีสองตีสาม เจนนี่ควรนอนกับลูกนะ หนูก็รับฟัง และขอโทษด้วยในสิ่งที่หนูผิดพลาด ทีนี้กลับกัน หนูพูดข้อเสียเขา ก็พูดเรื่องอารมณ์จริงๆ เขาเป็นคนไม่เคยแสดง ถ้าเขารู้สึกยังไงก็เป็นอย่างนั้นเลย ไม่ว่าจะไลฟ์หรือไม่ไลฟ์ ก็บอกว่ายิวต้องปรับตรงนี้ ทีนี้พอพูดตรงนี้ทัวร์ก็เริ่มลง บวกกับเรื่องปาของ ก็เอามารวมกัน”
สุดท้ายคืนนั้นที่มีการเคลียร์กันหน้าไลฟ์ จบกันยังไง?
“ลูกทัวร์มีแต่ยุยงให้เลิกค่ะ จนทุกวันนี้ก็ยังบอกให้เลิกเลยค่ะ เขาบอกว่าถ้าเป็นฉันจะไม่ทนนะ ผู้ชายแบบนี้จะไม่เอาเลย โน่นนี่นั่น แต่หนูอยากบอกว่าบางทีอาจอินกับเหตุการณ์นั้น แต่อาจลืมไปว่าเขาก็มีข้อดีเยอะที่หนูก็หลงรักเขา ข้อเสียเรามีทุกคน อยู่ที่เขาจะปรับปรุงได้หรือเปล่า หนูแค่อยากขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้พวกเราจับมือกันไป ไม่ใช่มาบอกว่าต้องเลิก อย่าลืมนะคะแต่งงานกันไปแล้ว พ่อแม่ก็เสียใจถ้าเราเลิกกันด้วยเรื่องแค่นี้ แล้วอนาคตของลูกล่ะ เราคบกันเราก็คิดเลยว่าต้องพากันไปให้รอด ข้อเดียวเลยที่หนูจะเลิกคือเรื่องผู้หญิงกับทำร้ายร่างกาย แค่นี้ ถ้าเรื่องอื่นหนูจอยมาก เพราะชีวิตหนูผ่านอะไรมาเยอะมาก”
คิดว่าเคลียร์กันจบหรือยัง?
“พอลงไลฟ์ ก็มีการคุยกับเขาอีกว่า ตัวเองเห็นมั้ย บางเหตุการณ์ที่เราเคยทำ เราไม่รู้ตัวนะว่าไม่ดี เราคิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว สุดท้ายชาวเน็ตก็คอนเฟิร์มว่าเห็นด้วย จริง อยากพูดมานานแล้ว มันก็เหมือนกระจกให้เรา ซึ่งมันเป็นดาบสองคมค่ะ คมแรกคือเขาห่วงเราจริง กับอีกคมคือกูรอวันนี้มานานแล้ว ก็ต้องตั้งรับให้ได้”
ชีวิตของเราขึ้นอยู่กับคนอื่นในโซเชียลที่โฟกัสว่าต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ในอุดมคติของเขา ไม่กดดันเหรอ?
“หนูกดดันค่ะ หนูเหนื่อยกับการทำงานอีกแล้ว ต้องดราม่าอีก หนูเหนื่อยแต่ก็ต้องรับให้ได้ เพราะชีวิตหนูโตขึ้น มีรายได้มากขึ้นจากตรงนี้ ความสดใสหนูหายไปเยอะมาก จนหนูลืมความเป็นเจนนี่ได้หมดถ้าสดชื่นในเวอร์ชั่นแรกๆ ไปแล้ว”
ด้วยความเป็นเสาหลัก ร้อยร้อยแปดมาเจอหมด เราคนเดียวต้องรับหลายด้าน วัยเท่านี้ แต่ก็ผ่านมาได้ ที่คุยกับยิวล่าสุดเขาเข้าใจมั้ย?
“เข้าใจแล้วค่ะ ก่อนหน้านี้อาจไม่เข้าใจ เราผ่านการคุยกันหลังบ้านมาเยอะ แต่พอคุยหน้าสื่อวันนั้น สำหรับหนูถึงทัวร์ลงแค่ไหน แต่หนูมองว่าเป็นเรื่องที่ดีค่ะ เพราะพอมีคนช่วยคอนเฟิร์มอีกเสียง กลายเป็นว่าเขาก็ได้ยอมรับตัวเองมากขึ้นว่าโอเค เขาขอโทษจริงๆ”
โชคดียิวยอมรับกับคอมเมนต์ที่ไม่ดี แต่ถ้ายิวไม่ยอมรับจะทำให้เขาแย่กว่าเดิม สุดท้ายแล้วชีวิตคู่ต้องขึ้นกับเราเองโดยตรง ไม่ใช่แบกความรู้สึกอยากเอาใจชาวโซเชียลแล้วแบกอยู่ที่ตัวเอง แล้วทำให้เจนนี่เป็นทุกข์ คนนึงที่น่าจะช่วยได้คือลิลลี่?
“อื้อหือ พี่ต้องดูในไลฟ์ พี่ยิวพูดถูกทุกอย่าง กับน้องก็ไม่มีเวลาไปหาเลย เป็นปมลิลลี่อีกแล้ว ก็เป็นอีกเรื่องนึงที่เคยเคลียร์ไปแล้วรอบนึง แต่ลิลลี่ยังไม่มูฟออนแหละ เขารักเรา เหมือนเราเป็นทุกอย่างของเขา ตั้งแต่เขาเกิดมา วันนี้เรามีเวลาให้เขาน้อยมาก หนูลงใต้ไปก็ไลฟ์บ่อย อยู่กรุงเทพฯ ก็ไลฟ์บ่อย จนน้องรู้สึกว่าพี่เหมือนไม่รักเขาแล้ว แต่จริงๆ พยายามสอนเขาว่าพี่รักเหมือนเดิม แต่แค่อยากทำงานในช่วงที่ยังมีแรงหรือยังบูม เขาก็ไปซัปพอร์ตยิว จนทุกคนบอกว่าจริง รอบนี้ลิลลี่พูดถูก รอบนี้ให้ยิว รอบนี้ให้ลิลลี่ (หัวเราะ)”
เป็นมาสักพักแล้วที่เหมือนแบกทั้งโลกเอาไว้ที่เราคนเดียว?
“หนูว่ามีคำนึงที่ตรงกับหนูตอนนี้ คือหนูกดดันมากเกินไปค่ะ กดดันตัวเองมากเกินไป มีอยู่วันนึงหนูไปนั่งทำกับข้าวหลังบ้านแล้วหนูแฮปปี้กับการได้อยู่กับตัวเองมากกว่าการมานั่งไลฟ์ คนนั้นบอกไปอย่างนั้น หนูก็ต้องไปอย่างนั้น คนนั้นบอกไปอย่างนี้หนูก็ต้องไปอย่างนี้ หนูว่าหนูกดดันตัวเองมากเกิน แล้วแคร์คนอื่นมากเกินจนลืมแคร์ว่าความสุขจริงๆ ของหนูคืออะไร พอใครถามหนูซ้ำๆ หนูก็พูดประโยคเดิมว่าความสดใสของหนูหายไปจริงๆ นะ อยากเห็นเจนนี่ที่สดใส หัวเราะได้กับทุกเรื่อง กล้าพูดกล้าทำทุกอย่างที่คิดว่าถูกต้อง ไม่ทำร้ายใคร แต่ทุกวันนี้มันไม่ใช่ แค่จะตอบคำถามอะไรก็ดูแล้วดูอีก ซ้ำแล้วซ้ำอีก”
เจนนี่เวอร์ชั่นนี้เหนื่อยมั้ย?
“โหย เหนื่อยสิคะ เหนื่อยจะตายอยู่แล้ว ถ้าไม่ได้หาเงินจากโซเชียลไม่ไลฟ์แล้ว (หัวเราะ) ลูกกับครอบครัวคือกำลังใจ มองหน้าลูกแล้วก็สู้ต่อ คือ 7 ปีแล้วนะที่ดราม่ามันอยู่กับหนู หนูก็ถามตัวเองว่าเมื่อไหร่มันจะหมดไปวะ หรือหนูต้องทนแบบนี้ไปทั้งชีวิตเหรอ แล้วชีวิตเราจะทนได้อีกแค่ไหน ตอนนี้พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าหนูดีขึ้นมาก หนูดีขึ้น แต่หนูก็ถามว่าทำไมหนูดีขึ้น แต่ความสุขของหนูมันน้อยลง หนูไม่รู้เลยว่าจะหาจุดบาลานซ์นี้ยังไง แต่บางทีวางโทรศัพท์ก็ดีขึ้นแล้วค่ะ”
เหตุการณ์ที่เกิดอุบัติเหตุรถคว่ำ?
“มันเป็นเหตุการณ์ที่หนูรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนี้ อาจเป็นอีกเรื่องที่ทำให้หนูไม่สดใสสักเท่าไหร่ บางทีชีวิตมันถึงจุดที่ต้องเลือกแล้วเหรอว่าต้องหยุดคอนเสิร์ตเพื่อลูกแล้วเหรอ พาลูกไปด้วยทุกที่ค่ะ อยากอยู่กับลูกตลอด เพราะเป็นคนที่มีเวลาค่อนข้างจะน้อย อยากพาไป แต่พอรถคว่ำก็มีคำถามเยอะแยะมากมายว่าทำไมไม่ให้ลูกอยู่บ้าน ทำไมพาเดินทางไกล ทำไมไม่พาขึ้นเครื่องบิน มันเป็นเพราะเจนนี่นะ มันก็เกิดจากโซเชียลอีก ก็เลยทำให้รู้สึกนอยด์ๆ พอเราโพสต์ภาพให้คนไม่เป็นห่วงมาก แต่ก็ยังเป็นที่พูดถึงเยอะ ขอบคุณทุกคนที่เป็นห่วง ก็เป็นเรื่องที่ต้องมาบาลานซ์อีกว่าต่อไปหนูจะเอายังไงกับคอนเสิร์ต”
มีผลกระทบอะไรกับเรากับยูจินมั้ย?
“มีค่ะ ยูจินยังนอนหลับแล้วร้องไห้อยู่เรื่อยๆ ตกใจ ผวา ขับรถไปแล้วลงหลุมเขาจะจำได้ เขารู้ว่าวันนั้นมีคนมาช่วย ป่ะป๊ามาช่วย หนูก็ยังเครียดอยู่ว่าจะเอายังไงดี เครื่องบินหนูคงไม่นั่ง ถ้าไปโดยไม่มีลูกหนูก็คิดถึงลูก อาจต้องหาคำตอบให้ตัวเองเร็วๆ นี้ หนูรู้สึกผิดมาก ตอนเกิดเหตุไม่ร้องไห้เลย เพราะอยากแสดงสปิริตให้ยูจินเห็นว่าหม่ามี๊อยู่ตรงนี้ กอดหนูอยู่ หม่ามี๊ยังแฮปปี้ แต่พอแม่มาอุ้มยูจินไป หนูร้องไห้อยู่ในป่าตรงนั้น ชีวิตฉันทำไมต้องมาหนักขนาดนี้ เราไปกันสามคัน ยิวรีบขี่รถกลับมา เขารู้สึกแย่มาก เขาโทษตัวเอง ถ้าเขาขับให้คงปลอดภัยไปแล้ว เขาก็เครียดและร้องไห้ แล้วพูดกับหนูว่าต่อไปเขาขอเลย ถ้าไปเครื่องบินเอาลูกไปเลย แต่ถ้าเอารถอย่าเอาลูกไป เหมือนไปกลับ 28 ชม. ลูกต้องเสี่ยงอยู่บนรถ เขามองว่าไม่ควร”
เราก็เข้าใจ?
“เข้าใจ ก็ยังนอยด์ๆ กับตัวเอง เรารักลูกมาก ร้องเพลงก็ยังอยากร้อง แล้วต้องทำไง เราก็ยังผวา แต่มีการไปซื้อประกันชีวิต ถ้าเป็นอะไรก็ให้ลูกมีตังค์แล้วกัน (หัวเราะ)”
น้องผวาแล้วปลอบยังไง?
“ชวนทำเรื่องอื่น เล่านิทาน ร้องเพลง เล่นเกมกับลูก ให้เขาลืมๆ แต่ยูจินจำได้หมดเลย วันนั้นเขาร้องไห้หนักมาก แต่ตอนเขาร้องหนูดีใจนะ เพราะนั่นแปลว่าเขาไม่ได้สลบ ก็รีบปีนไปหาเขา ไปช่วยเขาค่ะ”
อนาคตยูจินต้องฉายแววเป็นดารา เปิดต๊อกต๊อกยังไงก็ต้องเจอ ถ้าแม่ไลฟ์ยอดไม่เท่ายูจิน ถ้ายูจินแตะหลักล้านแน่นอน เดี๋ยวนี้เริ่มแอ็กติ้ง แต่งหน้าแล้ว?
“ทำได้ทุกอย่างที่หม่ามี๊ทำ ร้องเพลงก็ทำได้ เต้นก็ทำได้ เล่านิทานก็ทำได้ ไลฟ์ขายของบอกให้คนดูจิ้มๆ เขาก็ทำได้”
ยูจินชอบแกล้งแม่ เอามุกมาจากไหน?
“หนูไม่รู้เหมือนกัน เขาติดพ่อมากจริงๆ มันไม่ใช่คอนเทนต์นะคะ ถ้านอนไม่มีเจนนี่นอนได้ แต่ถ้าไม่มียิวไม่นอน ป๊าไปไหน ป๊ามาหรือยัง หม่ามี๊ห้ามอุ้ม ลูกพ่อของแท้ เพราะยิวเลี้ยงเองตั้งแต่เกิด หนูทำงานเยอะก็ต้องปรับ ถ้าอยากให้ลูกติดก็แบ่งเวลาไลฟ์ให้น้อยลง กลางคืนไปนอนกับเขา ไม่ต้องไลฟ์ ไลฟ์แค่กลางวัน หนูก็พยายามปรับ ไม่ใช่ปรับแค่คนในโซเชียล คนในครอบครัวก็ปรับ กับลิลลี่หนูก็เริ่มปรับมากขึ้น ให้น้องมาหาบ้าง จะไปกินข้าวกับน้องกับแม่บ้าง อยากให้ทุกคนมีความสุข ก็บาลานซ์ให้อยู่ในจุดที่พอดี แต่ยากมาก”
แพลนมีลูกให้ทันปีมังกร?
“ไม่แน่ค่ะ วันนั้นพอเราเคลียร์ใจกันเสร็จ ยิวก็บอกว่าเอางี้ ถ้าไม่ได้ไปร้องเพลง มีอีกความสุขที่ตัวเองทำแล้วมีความสุขคือการมีลูก ฉะนั้นเขาก็อยากมีลูกปีมังกร ถ้าอยากมีมังกรก็ต้องรีบท้องภายในกุมภาพันธ์ เราก็เลยปล่อยตามธรรมชาติกัน จริงๆ แอบกระซิบเลย ว่าประจำเดือนก็ยังไม่มา (หัวเราะ) แต่รอบนี้ขอถือเคล็ด เพราะรอบที่แล้วไม่ได้ถือ เราก็เลยสูญเสียไป ถ้า 3 เดือนใช่เดี๋ยวค่อยประกาศ ก็ขอลูกชาย อยากรู้ว่าลูกชายติดแม่จริงหรือเปล่า”
เขายื่นคำขาดถ้ามีรอบนี้ห้ามทำงาน?
“ใช่ค่ะ เพราะเขากลัว รอบที่แล้วดาวน์ไปเป็นเดือนๆ ที่สูญเสียไป เขาบอกว่ารอบนี้ถ้าท้องทำงานอะไรก็ได้ที่อยู่กับที่ ไม่ใช่ไปนั่งรถ หรือทำอะไรให้ท้องกระทบกระเทือน”
ยูจินอยากมีน้องมั้ย?
“ถ้าถามเอาน้องมั้ยเขาบอกไม่เอา แต่เขาชอบเด็ก ชอบเบบี๋ค่ะ”
คลิปสัมภาษณ์ย้อนหลัง
https://youtu.be/pDp-I8xAxg4?si=RMYCABISnQ94LPhH