"ดิเรกฤทธิ์"ดักคอ ส.ว.ถอนชื่อยื่นซักฟอกต้องตอบสังคมให้ได้

2024-01-16 14:19:29

"ดิเรกฤทธิ์"ดักคอ ส.ว.ถอนชื่อยื่นซักฟอกต้องตอบสังคมให้ได้

Advertisement

"ดิเรกฤทธิ์"ดักคอ ส.ว.ถอนชื่อยื่นซักฟอกรัฐบาลต้องตอบสังคมให้ได้  เชื่อเป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ทำ  มีแต่ลงชื่อเพิ่ม

เมื่อวันที่ 16 ม.ค. 67 ที่รัฐสภา นายดิเรกฤทธิ์ เจนครองธรรม ส.ว. ให้สัมภาษณ์ถึงการยื่นเปิดอภิปรายทั่วไปแบบไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญมาตรา 153 ว่า เราจะเสนอเรื่องไปที่นายพรเพชร วิชิตชลชัย ประธานวุฒิสภา ในวันจันทร์ที่ 22 ม.ค.นี้ ซึ่งเมื่อเราเสนอไปที่นายพรเพชรแล้ว นายพรเพชรจะต้องนำเรื่องส่งไปให้รัฐบาล ซึ่งขณะนี้สามารถรวบรวมเสียงได้ 90 กว่าเสียงแล้ว จึงจำเป็นต้องมีการหารือกับรัฐบาลเช่นจะให้เวลาในช่วงไหนอย่างไร หรือให้เวลากี่วัน หลังจากนั้นเราจะนำเข้าสู่วิปวุฒิสภาเพื่อจัดสรรเวลากันอีกครั้ง

นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวต่อว่า ในส่วนของคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เราเป็นเหมือนผู้ก่อการ มีความคิดเห็นและได้พิจารณาถึงอำนาจและหน้าที่ รวมถึงเวลาที่มีอยู่ว่าควรจะเปิดอภิปรายหรือไม่อย่างไร หากเปิดแล้วจะได้ประโยชน์กับใคร ซึ่งเมื่อเราได้ความคิดเห็นแล้วว่าจะเปิดอภิปราย ก็ได้ส่งเรื่องไปให้สมาชิกแต่ละท่านพิจารณา ซึ่งก็พบว่ามีคนเห็นด้วยเยอะ นอกจากนี้ จะมีการส่งเรื่องไปยัง กมธ.อื่นๆ ด้วยว่าท่านมีรายละเอียดเพิ่มเติมในแต่ละหัวข้อที่เราเคยเสนอไปหรือไม่ อย่างไรบ้าง หรือจะเพิ่มประเด็นอะไรหรือไม่ อย่างไรก็ตาม จากที่ได้รับการประสานและพูดคุยเบื้องต้นนั้น ผู้ที่เกี่ยวข้องในรัฐบาลตอบรับมาอย่างดี ซึ่งหากท่านตอบรับ และมีความรับผิดชอบต่อสภา ก็สามารถใช้เวทีนี้มาอธิบายให้ประชาชนเพื่อคลายข้อสงสัยได้ ซึ่งจะเป็นประโยชน์มาก ไม่ใช่ปล่อยให้คนที่ไม่เข้าใจไปกล่าวหารัฐบาลว่าทำเช่นนั้น เช่นนี้ไม่ถูก ทัเงนี้ เมื่อเราตั้งคำถามไปแล้วรัฐบาลสามารถใช้เวลาตอบคำถามได้อย่างเต็มที่ จึงคิดว่าเวทีนี้เป็นเวทีที่สำคัญ

เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่ว่าส.ว. ที่ลงชื่อไปแล้ว ท้ายที่สุดจะมีการถอนชื่อทำให้ไม่สามารถเสนอญัตติดังกล่าวได้ นายดิเรกฤทธิ์ กล่าวว่า ตนไม่กังวล เพราะเห็นว่าทุกคนเป็นผู้ใหญ่อยู่แล้ว รวมถึงก่อนลงชื่อก็มีการพิจารณาประเด็นต่างๆ ดีแล้ว ซึ่งหากลงชื่อและมีการถอนภายหลัง เขาก็ต้องอธิบายกับสังคมให้ได้ และคิดว่าจะมีการลงชื่อเพิ่ม ไม่มีการถอน ทั้งนี้ เราพร้อมที่จะเปิดเผยรายชื่อผู้ที่ลงชื่อให้สังคมได้รับทราบ ส่วนรูปแบบการอภิปรายว่าจะเป็นในนาม กมธ.หรือให้เอกสิทธ์สว.ทุกคนสามารถอภิปรายได้นั้น ต้องมีการดูรายละเอียดอีกครั้ง ขณะที่กรอบเวลาที่เหมาะสมในการอภิปรายนั้น เนื่องจากเรื่องนี้เราเห็นว่าเป็นเรื่องด่วน เพราะบางเรื่องหากปล่อยให้ช้าไป แล้วหากรัฐบาลมีมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) อาจมีการเดินเรื่องไปผิดทาง จึงคิดว่าเป็นช่วงเวลาที่เร่งรีบจะต้องมีการเปิดอภิปรายให้ทันเวลา ก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้น หรือก่อนที่รัฐบาลจะก้าวพลาด ทั้งนี้ ตนมองว่า 1-2 วัน จะเป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม แต่ก็อยู่ที่ความพร้อมของรัฐบาล