จาการ์ตา, 11 ม.ค. (ซินหัว) — เมื่อวันพุธ (10 ม.ค.) แอร์ลังกา ฮาร์ตาร์โต รัฐมนตรีประสานงานกิจการเศรษฐกิจของอินโดนีเซีย เผยว่าอินโดนีเซียจะขยายโครงการก่อสร้างกำแพงกันคลื่นขนาดยักษ์ครอบคลุมฝั่งตอนเหนือของเกาะชวา ไม่ใช่เพียงแค่กรุงจาการ์ตาและเมืองเซอมารัง และจะจัดตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจเร็วๆ นี้
แผนการดังกล่าวมีขึ้นเนื่องจากปัญหาแผ่นดินทรุดตัวที่กำลังคุกคามชายฝั่งตอนเหนือของเกาะชวา ซึ่งเป็นที่เกิดน้ำท่วมขัง โดยแผ่นดินทรุดตัวลงลึกถึง 25 เซนติเมตรต่อปี สวนทางกับระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงจากการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ
เกาะที่มีประชากรมากที่สุดแห่งนี้ เป็นที่อยู่อาศัยของประชากรมากกว่า 50 ล้านคน และมีส่วนส่งเสริมผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ร้อยละ 20.7 ผ่านกิจกรรมทางอุตสาหกรรม การประมง การขนส่ง และการท่องเที่ยว
ปัญหาดังกล่าวยังอาจคุกคามพื้นที่อุตสาหกรรม 70 แห่ง และเขตเศรษฐกิจพิเศษ 5 แห่ง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกโครงสร้างพื้นฐานโลจิสติกส์ระดับชาติ อาทิ สนามบิน ทางรถไฟ และท่าเรือ
ฮาร์ตาร์โตเสริมว่าจำเป็นต้องมีการวางแผนในระยะยาวเพื่อบรรเทาความเสี่ยงของการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศที่รุนแรง ความพยายามของเราคือการสร้างกำแพงกันคลื่นริมชายฝั่งที่มีความยาว 38.9 กิโลเมตร และขณะนี้สร้างได้ 18.3 กิโลเมตรแล้ว
ด้าน เฮรู บูดี ฮาร์โตโน รักษาการผู้ว่าการกรุงจาการ์ตา ระบุว่าภูมิภาคเกาะชวาสูญเงิน 2.1 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 4.72 พันล้านบาท) ต่อปี เนื่องจากเหตุน้ำท่วมบริเวณชายฝั่งตอนเหนือ และตัวเลขนี้อาจเพิ่มขึ้นเป็น 10 ล้านล้านรูเปียห์ (ราว 2.24 หมื่นล้านบาท) ต่อปีภายในหนึ่งทศวรรษ
(แฟ้มภาพซินหัว : ชายหาดนูซาดัว แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมในเกาะบาหลีของอินโดนีเซีย วันที่ 24 ธ.ค. 2023)