"จิรายุ" เผยแผนลดนายพลยุค "บิ๊กทิน" สร้างแรงจูงใจเออรี่

2024-01-11 12:00:04

 "จิรายุ" เผยแผนลดนายพลยุค "บิ๊กทิน" สร้างแรงจูงใจเออรี่

Advertisement

"จิรายุ" เผยแผนลดนายพลยุค "บิ๊กทิน" สร้างแรงจูงใจเออรี่ก่อนเกษียณ คาดเข้าสภากลาโหมเดือน ก.พ. 

เมื่อวันที่ 11 ม.ค.67  นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกกระทรวงกลาโหมฝ่ายการเมือง เปิดเผยกรณีนโยบายการปรับลดจำนวนนายพลทุกเหล่าทัพ ในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ ของนายสุทิน คลังแสง รมว.กลาโหมว่า รมว.กลาโหมได้กำชับให้แต่ละเหล่าทัพเร่งทำความเข้าใจกับกำลังพลในโครงการนี้อย่างต่อเนื่องเพื่อลดจำนวนนายพลในตำแหน่งดังกล่าวเกินความจำเป็นลงกว่า 50% ภายใน 3 ปี หรือเหลือน้อยกว่า 300 คน ในปี 2570 ซึ่งที่ผ่านมามีชั้นนายพลประมาณ 2,000 นายโดยเป็นกำลังหลักประมาณ 1,300 นายซึ่งกำลังหลักจำเป็นต้องพิจารณาถึงสถานการณ์ความมั่นคงของโลกและในภูมิภาค รวมทั้งรูปแบบในยุทธวิธีต่างๆ ปัจจุบันมีสงครามไซเบอร์หรือ Cyber warfare และเรื่องอวกาศเข้ามาเกี่ยวข้อง จึงต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ส่วนจำนวนนายพลกว่า 700 นายในตำแหน่งประจำ ได้เริ่มดำเนินการมาก่อนแล้วซึ่งคาดว่าจะเป็นผลสัมฤทธิ์เป็นไปตามเป้าหมาย

นายจิรายุ กล่าวต่อว่า  รมว.กลาโหมได้กำหนดนโยบายเร่งรัดให้มีผลสัมฤทธิ์ ในช่วงรัฐบาลท่านนายกฯ เศรษฐา ทวีสิน ในปี 2568 - 2570 โดยนายพลในตำแหน่งผู้ทรงคุณวุฒิและผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ จะต้องลดลงให้เหลือน้อยที่สุดตามความจำเป็นของกองทัพ อีกทั้งยังให้นโยบายสร้างแรงจูงใจในการลดจำนวนชั้นยศพันเอก (พิเศษ) ที่จะขึ้นไปเป็นนายพลในอนาคต ให้ลดลงอีกกว่า 570 อัตรา เพื่อให้สอดรับกับตำแหน่งนายพลที่จะลดลงไปด้วย  เป็นวิสัยทัศน์ของ รมว.กลาโหมที่ให้นโยบายในการแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบ ไม่ใช่แก้ปัญหาการลดนายพล แต่ฐานนายพันเอกพิเศษยังมีมาก ก็จะไปสร้างปัญหาใหม่ในอนาคต ซึ่งนโยบายนี้ กองทัพยังสามารถปฏิบัติงาน และอาชีพทหารยังมีโอกาสที่จะเจริญก้าวหน้าได้อีกทั้งยังเป็นการสร้างความมั่นคงให้กองทัพอีกด้วยมั่นใจโครงการเออร์รี่นายพลผู้รับใช้ชาติต้องอยู่ดีมีเกียรติ คาดก.พ. นี้นำเข้าสภากลาโหมก่อนชงเข้า ครม.ทันในงบปีนี้

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า รมว.กลาโหม ได้กำชับให้จัดทำนโยบายสร้างแรงจูงใจให้นายทหารเกษียณก่อนกำหนด Early Retire เช่น การจ่ายเงินชดเชย หรือ "เงินก้อน" ประมาณ 7 แสนบาท ขึ้นอยู่กับชั้นยศ และเวลารับราชการ ซึ่งจะมีสูตรคำนวณชัดเจนรวมทั้งสิทธิบำเหน็จ บำนาญก็จะได้รับตามปกติซึ่งถือว่าเป็นประโยชน์ และกำลังใจต่อกำลังพลของกองทัพ เมื่อตัดสินใจในช่วงนี้ ถือว่าได้สิทธิประโยชน์มากที่สุดเมื่อเทียบกับโครงการที่ผ่าน ๆ และในการบริหารของรัฐบาลจะสามารถลดภาระงบประมาณประเทศในระยะยาวอีกด้วย ส่วนความคืบหน้าถือว่าเป็นนโยบายสำคัญของรัฐมนตรี ซึ่งปัจจุบันได้จัดทำรูปแบบข้อเสนอแรงจูงใจต่าง ๆ แล้ว อยู่ในขั้นตอนรับฟังความเห็นจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง และผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย โดยก่อนสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ จะนำเข้าที่ประชุมสภากลาโหม จากนั้นจะนำเข้า ครม. เพื่อพิจารณาอนุมัติ “แผนและกรอบงบประมาณ” เพื่อให้มีผลบังคับใช้ทันปีนี้ดังนั้น ในช่วงการเกษียณอายุราชการของข้าราชการในเดือนตุลาคม 2567 นี้ สำหรับโครงการนี้จะใช้เงินงบประมาณของกระทรวงกลาโหมประมาณ 600 ล้านบาท ภายใน 3 ปี (2568 - 2670 )หรือเฉลี่ย 200 ล้านบาทต่อปี

นายจิรายุ กล่าวอีกว่า แม้ที่ผ่านมากองทัพจะมีแผนปรับลดจำนวนนายพลระยะยาว ปี 2551 - 2571 แต่นโยบายครั้งนี้ จะผลักดันให้บรรลุเป้าหมาย รวดเร็วขึ้นภายใน 3 ปีโดยเน้นกลุ่มพล.ต.  พล.ท. พล.อ.   ในตำแหน่ง ได้แก่ผู้ทรงคุณวุฒิ - ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษ “ทุกเหล่าทัพ” ทั้งนี้ที่ผ่านมาพบว่าในช่วงรัฐบาล คสช. ปี 2557 - 2561 เคยทำโครงการเกษียณก่อนกำหนด ทุกชั้นยศทุกตำแหน่ง โดยมีผู้เข้าร่วมโครงการมากกว่า 26,000 ตำแหน่ง จึงเชื่อว่าโครงการลดนายพลครั้งนี้จะได้รับการตอบรับดีอย่างแน่นอน