นักเรียนนักเลงรุ่นน้อง ม.3 รุมกระทืบรุ่นพี่ ม.5 คา รร.จนดั้งจมูกหัก

2024-01-08 21:23:18

นักเรียนนักเลงรุ่นน้อง ม.3 รุมกระทืบรุ่นพี่ ม.5 คา รร.จนดั้งจมูกหัก

Advertisement

นักเรียนนักเลงรุ่นน้อง ม.3 รุมกระทืบรุ่นพี่ ม.5 คา รร.จนดั้งจมูกหัก  ผอ.รร.เผยเชิญผู้ปกครองมาพูดคุยเจรจาหาข้อยุติแล้ว ด้านแม่ ม.5 ไม่มั่นใจในความปลอดภัยของลูกหลังคู่กรณีโชวยิงปืนในไอจี

จากกรณีที่เพจ ฝากบอกเมืองบัวขาว ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับนักเรียนรุ่นน้องได้มีการทำร้ายร่างกายรุ่นพี่ในโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ อ.กุฉินารายณ์ โดยระบุข้อความว่า "ติดตามข่าวนักเรียนรุ่นน้องรุมทำร้ายรุ่นพี่จนดั้งจมูกหักในโรงเรียนแห่งหนึ่งภายใน อ.กุฉินารายณ์"

ล่าสุดวันที่ 8 ม.ค.67 ผู้สื่อข่าวได้ลงพื้นที่โรงเรียนจุมจังพลังราษฎร์ ต.จุมจัง อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ ซึ่งเป็นโรงเรียนที่มีเด็กนักเรียนรุ่นน้องทำร้ายร่างกายรุ่นพี่ในคลิปวิดีโอจนเป็นกระแสทางโลกโซเชียลอยู่ในขณะนี้ โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามกับทาง ผอรร.จุมจังพลังราษฎร์เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดย ผอ.รร.ไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนบันทึกภาพวิดีโอขณะทำการชี้แจง แต่ได้ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ม.ค.67 ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นเวลาพักเที่ยงในระหว่างที่นายเอ (นามสมมติ) อายุ 17 นักเรียนชั้นม.5 กำลังนั่งเล่นอยู่กับเพื่อนประมาณ 10 คนได้มีกลุ่มรุ่นน้อง ม. 3 จำนวน 2 คน และรุ่นน้อง ม.2 จำนวน 1 คน ได้เดินเข้ามาหากลุ่มของนายเอที่กำลังนั่งเล่นอยู่แล้วมีการพูดคุยกันเรื่องอะไรก็ไม่ทราบ ก่อนรุ่นน้องทั้ง 3 คนมีการทำร้ายร่างกายนายเอโดยการเตะเข้าไปที่ใบหน้าทำให้นายสิทธิพงษ์เลือดเต็มใบหน้า และมีการทำร้ายร่างกายเกิดขึ้น

ทั้งนี้ครูผู้ช่วยที่อยู่บริเวณใกล้เคียงได้ยินเสียงเหมือนมีการทะเลาะวิวาทกันจึงรีบวิ่งเข้าไป เพื่อจะห้ามปรามเด็กทั้ง 2 กลุ่ม พอไปถึงจุดเกิดเหตุพบนายเอนอนกองอยู่กับพื้น และมีเลือดอาบเต็มใบหน้า โดยที่ไม่ได้ต่อสู้กับกลุ่มรุ่นน้องทั้ง 3 คนแต่อย่างใด จากนั้นครูได้ห้ามปรามและให้เด็กรุ่นน้องทั้ง 3 คนแยกย้ายออกไป เพื่อไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย พร้อมทั้งนำตัวนายเอที่โดนทำร้ายร่างกายไปหาหมอที่โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลจุมจัง และได้โทรแจ้งกับผู้ปกครองว่ามีเหตุรุ่นน้องได้เข้ามาทำร้ายร่างกายนายเอในวันต่อมา 5 ม.ค.67 ทางโรงเรียนได้มีการประสานกับผู้ปกครองทั้ง 2 ฝ่ายเข้ามาพูดคุยเจรจาหาข้อยุติเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ผอ.รร.จุมจังพลังราษฎร์ ระบุว่า ทางโรงเรียนยืนยันว่าไม่ได้นิ่งนอนใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเบื้องต้นได้มีการทัณฑ์บนรุ่นน้องที่ทำร้ายรุ่นพี่ทั้ง 3 คนเอาไว้แล้วตามกฎระเบียบของทางโรงเรียน พร้อมให้มีการพูดคุยเจรจาไกล่เกลี่ยกันระหว่างผู้ปกครองเพื่อร่วมหาทางออก และแนวทางการแก้ไขป้องกันเหตุต่อไป ในส่วนของการชดเชยค่าเสียหายทางผู้ปกครองทั้งสองฝ่ายต้องการไปคุยเจรจากันที่บ้านของผู้นำชุมชน ซึ่งทราบว่าผู้ปกครองของผู้ก่อเหตุทั้ง 3 คนได้มีการชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ปกครองของนายสุทธิพงษ์รายละ 3,000 บาท เป็นเงินทั้งสิ้นจำนวน 9,000 บาท ซึ่งเป็นข้อมูลที่ทางโรงเรียนทราบเบื้องต้น

ผอ.รร.จุมจังพลังราษฎร์   ระบุอีกว่า จากการที่มีการนำเสนอข่าวไปนั้น ว่าทางโรงเรียนได้มีการแนะนำให้ทางผู้ปกครองของรุ่นน้องที่ทำร้ายร่างกายรุ่นพี่นำเงินไปชดเชยค่าเสียหายให้กับผู้ปกครองของนายสุทธิพงษ์นั้น ไม่เป็นความจริง เพราะค่าเสียหายดังกล่าวเป็นการตกลงของผู้ปกครองทั้งสองฝ่าย ทางโรงเรียนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด ทั้งนี้สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทางโรงเรียนจะหาแนวทางแก้ไข และเคร่งครัดเรื่องกฎระเบียบเรื่องความปลอดภัยของบุตรหลานที่อยู่ในโรงเรียนให้มากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ซ้ำรอยอีก

ผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์สอบถามไปยังนางบี ซึ่งเป็นแม่ของนายเอ นักเรียนรุ่นพี่ ม.5 ที่โดนรุ่นน้องทำร้ายร่างกาย โดยนางบีเปิดเผยว่า หลังจากที่ตนได้รับโทรศัพท์จากทางโรงเรียนว่าลูกชายโดนทำร้ายร่างกายจนเลือดไหลอาจเต็มหน้า รู้สึกตกใจเป็นอย่างมากหลังเลิกงาน จึงได้พาลูกชายไปแจ้งความที่  สภ.บ้านหนองเม็ก พร้อมกับนำใบรับรองแพทย์ไปเป็นหลักฐาน แต่ไม่สามารถแจ้งความได้ เนื่องจากว่าใบรับรองแพทย์ไม่ใช่ของทางโรงพยาบาล จึงไม่สามารถแจ้งความได้  ดังนั้นจึงได้พาลูกชายมาพบแพทย์ที่โรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชกุฉินารายณ์ และได้มีการเอกซเรย์บริเวณใบหน้าจากผลการเอกซเรย์ปรากฏว่าลูกชายของตนมีอาการกระดูกร้าวบริเวณดั้ง และดั้งหักจนต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ซึ่งหลังจากนี้จะเดินทางไปแจ้งความลงบันทึกประจำวันไว้ที่ สภ.บ้านหนองเม็กไว้ เนื่องจากเกรงว่าจะไม่ปลอดภัย เพราะลูกชายต้องเรียนต่ออยู่โรงเรียนนี้ และคนก่อเหตุก็เรียนอยู่โรงเรียนเดียวกัน กลัวว่าจะมาก่อเหตุซ้ำอีก เพราะในวันที่พูดคุยเจรจาเหมือนกับว่าเด็กกลุ่มนี้ไม่สลดกับความผิดที่ก่อขึ้น พร้อมกับผู้ปกครองยังให้ท้ายกับกลุ่มเด็กที่ก่อเหตุอีกด้วย

นางพัชรี กล่าวอีกว่า ตนมองว่าหากไม่มีการจัดการที่เด็ดขาดเด็กกลุ่มอาจจะมีการก่อเหตุซ้ำอีก เพราะลูกชายของตนทั้งสองคนเวลาไปโรงเรียนต้องขับรถมอเตอร์ไซค์ผ่านหมู่บ้านของเด็กกลุ่มที่ก่อเหตุจะไปโรงเรียนทุกวันเหตุการณ์ไม่คาดฝันอาจเกิดขึ้นได้ อีกทั้งล่าสุดลูกชายได้ดูในอินสตาแกรมของเด็กกลุ่มดังกล่าวเด็กกลุ่มดังกล่าวได้มีการถ่ายคลิปวิดีโอ ยิงปืนพร้อมถ่ายรูปคู่กับปืนลงอินสตาแกรมส่วนตัวยิ่งทำให้ตนเองรู้สึกหวั่นใจเกี่ยวกับเรื่องความปลอดภัยของลูก อย่างไรก็ตามขอยืนยันว่าลูกชายเป็นเด็กเรียนดี สอบได้ที่ 1 ตั้งแต่ชั้นอนุบาลจนถึงปัจจุบัน และไม่เคยมีเรื่องมีราวกับใครเป็นเด็กกิจกรรมที่คอยช่วยเหลือโรงเรียนมาตลอด ซึ่งข้อมูลนี้สามารถสอบถามกับครูและก็เพื่อนร่วมห้องได้ เลยว่าลูกชายของตนไม่มีทางที่จะไปหาเรื่องใครก่อน แต่ทำไมต้องมาทำร้ายร่างกายลูกของตนด้วย ซึ่งเรื่องนี้หากผู้ที่เกี่ยวข้องไม่ว่าจะเป็นทางโรงเรียน หรือทางตำรวจสามารถได้ดำเนินการขั้นสูงสุดได้มากขนาดไหน หากไม่สามารถดำเนินการได้ คงต้องย้ายลูกไปเรียนที่อื่น เพราะห่วงเรื่องของความปลอดภัย

ล่าสุดผู้สื่อข่าวได้โทรศัพท์ไปสอบถาม พ.ต.ท.อาทิตย์ คำยุธา ผกก.สภ.บ้านหนองเม็ก อ.กุฉินารายณ์ จ.กาฬสินธุ์ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว โดยพ.ต.ท.อาทิตย์ กล่าวว่า เบื้องต้นผู้เสียหายได้มีการเข้ามาแจ้งความไว้ที่ สภ.หนองเม็กบ้านเมื่อวันศุกร์ที่ 5 ม.ค.67 แต่เนื่องจากต้องใช้หลักฐานใบรับรองแพทย์เป็นใบรับรองแพทย์ของโรงพยาบาล ตำรวจจึงได้ลงบันทึกประจำวันไว้ เพื่อเป็นหลักฐาน ในส่วนของคลิปวิดีโอที่กลุ่มเยาวชนที่ก่อเหตุได้มีการยิงปืนโชว์ลงในโลกโซเชียล ผ่านทวิตเตอร์แล้วก็มีการถ่ายรูปคู่กับอาวุธปืนลงทวิตเตอร์นั้น เบื้องต้นยังไม่ทราบแต่ในเมื่อทราบข้อมูลแล้วทางเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการเข้าไปตรวจค้นว่าเด็กกลุ่มที่ก่อเหตุมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองจริงหรือไม่ ถ้าหากพบกระทำความผิดก็จะควบคุมตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป