"ชัยธวัช" ผิดหวังรัฐบาลจัดทำงบไม่สะท้อนนโยบายที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล
เมื่อวันที่ 3 ม.ค. 67 ที่รัฐสภา นายชัยธวัช ตุลาธน หัวหน้าพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้นำพรรคฝ่ายค้าน กล่าวถึงความพร้อมในการอภิปราย พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2567 ว่า พรรคก้าวไกลเตรียมทำการบ้าน มา 3 วัน โดยประเด็นหลักๆ พยายามจะดูว่า พ.ร.บ.งบประมาณที่จัดใหม่สะท้อนหรือยึดโยงกับนโยบายรัฐบาลที่ตั้งเป้าและแถลงเอาไว้หรือไม่ นอกจากนี้ พ.ร.บ.ที่จัดทำขึ้นจะสะท้อนสภาวะทางการเมืองที่เป็นจริงของรัฐบาลชุดนี้ด้วย อย่างไรก็ตาม การให้เวลา 7 วันในการศึกษา สาระของ พ.ร.บ. เพียง 7 วันถือว่าน้อยไปหน่อย จึงหวังว่า ครั้งต่อไปจะให้เวลาในการ พิจารณามากกว่านี้
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการจัดทำงบประมาณของรัฐบาลไม่ตรงปก นาย ชัยธวัช กล่าวว่า อันนี้เป็นปัญหาที่เราเห็นชัดเจน และเห็นมาตั้งแต่การแถลงนโยบายมา จนถึงแผนงานรายกระทรวง มาจนถึง พ.ร.บ.งบประมาณ ฉบับนี้ไม่สะท้อนกับนโยบายที่เป็นเป้าหมายของรัฐบาล ดังนั้น จะใช้เวลา 3 วันนี้ในการอภิปรายชี้แจงในรายละเอียดและข้อเสนอแนะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับรัฐบาลในการบริหารงานและประชาชน โดยในช่วง 3 วันนี้ ฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้านแบ่งเวลากันฝ่ายล่ะ 20 ชม.
เมื่อถามว่างบประมาณที่จัดทำสูงกว่ารายจ่าย ทำให้ต้องมีการกู้เงินมากกว่า 6 แสนล้านบาท และเพิ่มเติมนโยบายเงินดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้านบาท จะกระทบกับเศรษฐกิจอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า จะมีปัญหาหลายส่วน ตั้งแต่การประมาณการรายได้ที่น่าจะเกินจริง ขณะที่การกำหนดงบรายจ่ายก็จะไม่เท่ากับรายจ่ายจริง ดังนั้น ก็จะเป็นปัญหา ซึ่งจริงๆ เป็นปัญหามาตั้งแต่รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ทำให้รัฐบาลต่อๆ มีภาระรายจ่ายที่ต้องส่งคืนคลัง ดังนั้นจึงเป็นเรื่องที่ต้องอภิปรายในสภาต่อไป
เมื่อถามว่า เป้าหมายในการอภิปรายต้องการให้รัฐบาลปรับเปลี่ยนตามข้อเสนอแนะหรือข้อสังเกตของฝ่ายค้านใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ในวาระแรกคงจะเป็นการทำให้เห็นในภาพรวมและภาพใหญ่ ส่วนวาระสอง จะเป็นเรื่องรายกระทรวงก็จะตรวจสอบว่าการกำหนดงบประมาณมีประสิทธิภาพตอบโจทย์และคุ้มค่าหรือไม่ ซึ่งข้อจำกัดของสภาคือตัดงบได้อย่างเดียว
เมื่อถามถึงการหยิบยกกรณีนายทักษิณ ชินวัตร ขึ้นมาพูด นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ฝ่ายค้านไม่ได้พูด ฝั่งรัฐบาลออกจะร้อนตัวไปนิดหนึ่ง ไม่ต้องกังวลอะไร แต่สิ่งหนึ่งที่จะต้องพูดด้วย คือพ.รบ..งบประมาณ ไม่ได้สะท้อนปัญหาในการดำเนินนโยบายอย่างเดียวเท่านั้น แต่ยังสะท้อนถึงสภาวะการณ์ทางการเมืองในการจัดตั้งรัฐบาลชุดนี้ด้วย ดังนั้นกรณีนายทักษิณ ไม่ใช่ประเด็น ต่อข้อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์การจัดทำ พ.ร.บ.งบประมาณครั้งนี้ไม่มีอนาคต นายชัยธวัช กล่าวว่า เราแทบไม่เห็นการเปลี่ยนแปลงที่มีนัยยะสำคัญนี้คือปัญหา ทั้งๆ ที่ ครม.มีมติให้ทบทวนงบประมาณใหม่ตั้งแต่กลางเดือน ก.ย.2566 แต่กลับใช้เวลา 3 เดือนที่ผ่านมาอย่างน่าผิดหวังมาก
เมื่อถามถึงการกำกับดูแลไม่ให้มีการตบทรัพย์ เรียกรับผลประโยชน์ในการอภิปรายงบประมาณ นายชัยธวัช กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ได้เป็นปัญหาเฉพาะพรรคฝ่ายค้านและรัฐบาลเท่านั้น ตั้งแต่เราทำงานมาในสมัย พรรคอนาคตใหม่ จนมาเป็นพรรคก้าวไกล จะเห็นว่ามีการใช้โอกาสการพิจารณางบประมาณมาเป็นโอกาสในการตบทรัพย์หรือเรียกรับผลประโยชน์ในการแบ่งปัน เบียดบังงบประมาณเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน ดังนั้นวันนี้ในฐานะที่พรรคก้าวไกลเป็นแกนนำพรรคฝ่ายค้าน เราจะต้องควบคุมกำกับไม่ให้ สส.พรรคฝ่ายค้านมีปัญหา เราอยากจะเห็นกระบวนการพิจารณาเป็นไปตามเป้าหมาย ไม่ใช่กระบวนการในการตบทรัพย์เรียกรับผลประโยชน์ ถ้าพูดตรงๆก็คือร่าง พ.ร.บ.งบประมาณที่ใช้เวลาในการจัดใหม่ 3 เดือน กลับไม่มีการเปลี่ยนแปลงเมื่อสะท้อนภาระและเป้าหมายของรัฐบาล นี้เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังมากๆ