อดีตคนรักฉะกลับ "หญิงลี" เป็นคนชวนมาอยู่บ้าน กลับเจอข้อหาบุกรุก !!

2023-12-14 11:50:57

อดีตคนรักฉะกลับ "หญิงลี" เป็นคนชวนมาอยู่บ้าน กลับเจอข้อหาบุกรุก !!

Advertisement

"เบนซ์" อดีตแฟนฉะกลับ "หญิงลี" จับได้ฝ่ายหญิงคุยกับคนรักเก่า ลั่น เป็นคนชวนมาอยู่บ้าน กลับเจอข้อหาบุกรุก !! รับเจอปืนจ่อหัวจริง 



สืบเนื่องจากประเด็นที่ "หญิงลี ศรีจุมพล" ได้ให้สัมภาษณ์ เรื่องนักร้องลูกทุ่งหญิงมีโลก 2 ใบ ซึ่งเจ้าตัวเผยว่า เรื่องเกิดตั้งแต่วันที่ 16-18 เมษายนที่ผ่านมา "หญิงลี" ได้ขอแยกย้ายกับคู่กรณี ซึ่งฝ่ายชายก็อาละวาดไม่ยอมไป จึงไปคุยกับแม่ของเขา ก็ยังไม่ยอม อีกทั้งยังถูกคุกคามและใช้ความรุนแรง ตามข่าว "หญิงลี" รู้ว่าเป็นตัวเองแต่ยังไม่ได้ออกมาพูดเพราะยังไม่มีหลักฐาน ก็ได้ไปเห็นโทรศัพท์มือถือเขา เพื่อนผู้หญิงเขาพูดให้เขากอบโกยมาเยอะๆ ซึ่งเขาถ่ายรูปกล้องไปและกล้องก็หายไป เลยไปแจ้งความ โดยมูลค่าความเสียหาย 3 แสน 8 หมื่นกว่าบาท ไม่หวังได้คืนแต่ที่ไปแจ้งความนั้นก็เพื่อความปลอดภัยของตัวเอง พร้อมกับเผยว่าได้แต่งตั้งทีมทนายเมื่อวันที่ 1 ธันวาคม เพื่อให้ดูคดีความต่อไป






ล่าสุดวันที่ 13 ธ.ค.66 รายการข่าว เที่ยงวันทันเหตุการณ์ "เบนซ์" อดีตคนรักของ "หญิงลี" ได้เปิดใจว่า วันนี้ผมขอเปิดหน้าพูดเลย ผมบริสุทธ์ใจ และมันไม่ได้เป็นอย่างที่หญิงลีพูดแม้แต่นิดเดียว เนื่องจากผมไม่มีอะไรต้องปิดบังอีกแล้ว สิ่งที่ผมจะเล่าในวันนี้คือความจริง เนื่องจากก่อนหน้านี้นักข่าวหลายสำนักติดต่อผมมา ผมไม่เคยออกมาพูดเลยเพราะไม่อยากพูดอะไรทั้งสิ้น



ซึ่งเมื่อวานนี้ฝ่ายหญิงออกมาพูดก่อน มีสิ่งที่พาดพิงผมเยอะแยะมากมาย ผมเองรู้สึกไม่ดีเลย ทำให้คนรอบข้างรวมถึงคนที่รู้จักผมมองผมในแง่ลบ ผมนอนไม่ได้เลย จริงๆ แล้วไม่อยากเปิดเผยทางสื่อเลย และไม่อยากจะออกมาพูดอะไรอีกเลย หากผมจะทำผมทำไปตั้งนานแล้ว แต่เลือกที่จะไม่ให้ข้อมูลใดๆ กับใครเลย แต่วันนี้ครอบครัวเห็นผมถูกหมายเรียกจากตำรวจ ทำให้ตอนนี้แม่ ตา ยายนอนไม่หลับ การที่ "หญิงลี" ออกมาพูดแบบนี้เหมือนไปทับถม

โดย "เบนซ์" บอกรู้จักกับหญิงลีมาประมาณ 3 ปีแล้ว ผมทำอาชีพฟรีแลนซ์รับถ่ายภาพในวันนั้น จากนั้นเวลาจะผ่านมาไม่ได้เจอกันอีกเลย หลังจากรู้จักกันมา 3 ปีก่อน ต่อมาช่วงปีที่แล้วผมไปเก็บภาพคอนเสิร์ตบรรยากาศงาน มีโอกาสเจอ "หญิงลี" ก็ยกมือสวัสดีเขา จากนั้นตัวเขาเองก็ให้ผู้จัดการมาบอกว่าให้ไปรอหลังเวทีนะ หลังจากฝ่ายหญิงถ่ายภาพแฟนคลับเสร็จแล้ว ผู้หญิงคนนี้เขาเดินมากอดผม กอดอยู่สักพักหนึ่ง จนผู้จัดการมา สะกิดบอกว่ามันดูไม่ดีแล้วนะ เค้าเลยบอกให้ทางผู้จัดการมาขอเบอร์และขอไลน์ผมเอาไว้





ซึ่งตอนนี้ผมไม่ได้คิดอะไรเลยคิดแค่ว่าเผื่อมีงาน มีคอนเนกชั่นอะไร ผมก็เลยให้เบอร์และไลน์ทางฝั่งผู้จัดการไป วันรุ่งขึ้น "หญิงลี" ทักแชตไลน์มาสอบถามว่าผมทำงานอะไร ทำอาชีพอะไร ผมก็เล่าให้ฟัง จากนั้นผมก็ถามผมว่าเงินใช้ไหม ผมก็บอกไปว่าพอที่จะประคองตัวได้ครับ จากนั้นเค้าโอนเงินมาให้ผม 5,000 บาท บอกให้ผมไปหาเพื่อจะไปคุยงานกัน เนื่องจากเขาจะต้องขึ้นคอนเสิร์ต พองานจบเขาก็ชวนผมไปรับประทานข้าว ผมก็รู้สึกเอะใจว่าทำไมถึงชวนไป แต่ผมก็ไป จากนั้นก็พูดคุยกันมากขึ้น ต่างคนต่างมีใจให้กันและฝ่ายหญิงบอกว่าตามหาคนแบบผมมานานแล้ว การที่เราได้มาเจอกันถือว่าเป็นพรหมลิขิต 

จากนั้นเพียง 2-3 วันฝ่ายหญิงได้ชวนผมไปอยู่ที่บ้าน ในฐานะคนรัก แต่ก็ช่วยเหลือในการทำงานด้วย โดยให้ผมดูแลเรื่องของการขับรถ ให้ดูแลเรื่องที่พัก รวมถึงการเดินทางไปคอนเสิร์ต ฝ่ายหญิงให้เงินเดือนผม 20,000 บาท ซึ่งคนในบ้านรวมถึงทีมงานรับรู้ความสัมพันธ์ของผมกับฝ่ายหญิงทั้งหมด

ตอนนั้นผมรู้อยู่แล้วว่าฝ่ายหญิงเคยมีคนคุยมาก่อน ซึ่งผมเองก็ได้สอบถามกับฝ่ายหญิงแล้วว่าฝ่ายผู้ชายคนอื่นที่เคยคบหากันเนี่ยคืออะไร ฝ่ายหญิงบอกว่าจบไปแล้ว ผมจึงมั่นใจว่าจะเข้าไปอยู่ในบ้านเขาได้โดยที่ไม่ต้องปิดบังอะไรกัน ผมก็ไปอยู่แล้วจะได้คบหากันสักพักหนึ่ง





"เบนซ์" เล่าต่อว่า มีอยู่วันหนึ่งฝ่ายหญิงเดินทางไปเที่ยวรีสอร์ทบ่อยมาก ผมจึงเกิดความสงสัยทำไมต้องไปซึ่งรีสอร์ทอยู่ที่บุรีรัมย์คือไปบ่อยมาก ฝ่ายหญิงบอกว่าไปเคลียร์ปัญหากับคนเก่า สาเหตุที่ไปเพราะเรื่องของการทำงาน ซึ่งตอนนั้นผมยอมรับหึงหวงจริงๆ นะ แต่ทำอะไรไม่ได้เพราะผมไม่มีหลักฐานอะไรเลย จากนั้นมีปากเสียงกันทะเลาะกันมาตลอด

จากนั้นฝ่ายหญิงก็บินกลับมาที่กรุงเทพฯ ผมไปรอรับเขา เขาบอกว่าวันนี้เราไม่เข้าบ้านดีกว่าไปนอนที่บ้านของคนสนิทของเขา ผมกับเขาก็ไปนอนที่บ้านของคนสนิทได้หนึ่งคืน ตื่นเช้ามาฝ่ายหญิงทำท่ากังวลใจ ผมก็เลยถามว่าเป็นอะไรหรือเปล่า เขาก็เลยบอกว่าไม่เป็นอะไร วันรุ่งขึ้นเขาคุยโทรศัพท์อยู่ในห้องนานถึง 2 ชั่วโมง ผมก็ไม่ได้เข้าไปรบกวนอะไร สักพักเขาเดินออกมาหน้าตาตื่นแล้วก็บอกว่าผู้ชายคนหนึ่งจะเข้ามานะค่อยๆ คุยนะใจเย็นๆ ผมก็บอกไปว่า ผมไม่อยากจะมีปัญหา คุณบอกว่าคุณเคลียร์ไปแล้วคุณก็ต้องเป็นคนไปคุยเอง



หลังจากนั้นอดีตคนรัก (ชื่อไม้) มาถึงบ้าน ผมก็อยู่ในบ้านด้วย ก็เลยมีปากเสียงมีการปะทะคารมกัน อีกฝ่ายพูดขึ้นมาว่ามึงจะหยุดไหม ถ้าไม่หยุดเดี๋ยวกูจะหยุดให้เอง แล้วก็ชักปืนขึ้นมาจ่อที่หัวผมหลัง จากนั้นเจ้าของบ้านก็โทรศัพท์ไปหาตำรวจ พอตำรวจมาฝ่ายชายเอาปืนไปแอบบนบ้าน ซึ่งตำรวจก็ค้นพบปืนพร้อมกระสุนเต็มแม็กซ์ แต่ผมไม่ดำเนินคดีเนื่องจากตอนนั้น "หญิงลี" ขอร้องเอาไว้



ต่อมาผมก็จับได้ว่าฝ่ายหญิงไปคุยกับผู้ชายคนเก่า ในทำนองว่าให้ฝ่ายชายรอเพราะกำลังเคลียร์กับผมอยู่ แต่สิ่งที่ฝ่ายหญิงคุยกับผมบอกว่าเคลียร์กันไปแล้ว ทำให้ผมรับไม่ได้และตกลงกันว่าผมจะออกจากบ้านไปวันที่ 19 เมษายน สุดท้ายผมอยู่บ้านหลังนั้นไม่ได้ มันรู้สึกอึดอัดและเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น ผมตัดสินใจออกจากบ้านมาในวันที่ 16 เมษายน ฝ่ายหญิงเข้ามาถามผมบอกว่าทำไมผมรีบไป ทำไมไม่อยู่เก็บเกี่ยวความสุขขึ้นก่อนแต่ผมบอกว่าไม่แล้วผมรู้สึกอึดอัด



หลังจากนั้นฝ่ายหญิงบอกให้เอาโทรศัพท์ของผมไปให้เขา ซึ่งผมไม่ยอมให้ ฝ่ายหญิงจึงเรียกคนในบ้านออกมา ผมเห็นว่าไม่ปลอดภัยผมให้หยิบโทรศัพท์มือถือมาไลฟ์เอาไว้ แต่ไม่ได้ต้องการจะเสียอะไร ยืนยันที่ทำไปเป็นการปกป้องตัวเอง เพราะฝ่ายหญิงเรียกคนมาหลายคนกลัวจะไม่ปลอดภัย ขณะเดียวกันเขาก็ให้คนในบ้านสองคนมาทำร้ายผม มาทุบผมที่ท้ายทอย แล้วก็แย่งโทรศัพท์มือถือไป

จากนั้นฝ่ายหญิงไปแจ้งความผมในข้อหาผมบุกรุกบ้านเขา ทั้งที่ผมเองพยายามจะออกมา แต่กลับกลายเป็นว่าถูกฝ่ายหญิงแจ้งว่าบุกรุก และผมอยู่บ้านหลังนั้นมาหลายเดือน ส่วนเรื่องกล้องที่หายไปฝ่ายหญิงบอกว่าผมถ่ายรูปเก็บเอาไว้แสดงว่าผมต้องเป็นคนขโมย แต่ฝ่ายหญิงเคยบอกผมว่ากล้องวิดีโอทั้งหลายทำให้ใช้งานสามารถเอาไปปล่อยเช่าหารายได้ได้เลยนะ ซึ่งบางทีผมก็นำกล้องไปปล่อยเช่านะ แต่สาเหตุที่กล้องหายไปผมไม่ทราบจริงๆ และยืนยันว่าผมไม่ได้เป็นคนเอาไป ก่อนหน้านั้นผมเคยบอกกับฝ่ายหญิงไปแล้วกล้องหายแบบนี้ไปแจ้งความเลยนะ ยังไงก็ต้องแจ้งความ เพราะคนในบ้านเดินเข้าออกหลายคนไม่รู้ใครเอาไป ให้ไปแจ้งความเอาไว้ก่อน แต่ฝ่ายหญิงไม่ยอมไปแจ้ง แต่พอเวลามีปัญหากันกลับมาบอกว่าผมเป็นคนเอาไป ถ้า "หญิงลี" มีหลักฐานว่าผมเอาไป ก็มาจับผมได้เลย ผมยินดีให้จับ



ส่วนข้อความที่ "หญิงลี" บอกเห็นในโทรศัพท์ให้กอบโกยได้กอบโกยไป "เบนซ์" ได้ชี้แจงว่า เป็นแชตที่ตัวเองคุยกับแฟนเก่า แล้วแฟนเก่าผมเหมือนประชดผมมาว่าเป็นแมงดา กอบโกยอะไรได้ก็กอบโกยไปเลย และมีหลักฐานทั้งหมดที่คุยกัน มันไม่มีอะไรจริงๆ