โรคกระดูกพรุน
กระดูกเป็นส่วนที่สำคัญของระบบโครงสร้างร่างกาย ทำหน้าที่เป็นโครงแกนหลักให้กล้ามเนื้อ เส้นเอ็น มายึดเกาะ ทำให้ร่างกายสามารถเคลื่อนไหวได้ นอกจากนี้ ยังเป็นส่วนที่เก็บแร่ธาตุที่รู้จักกันดี คือ แคลเซียม ด้วยความสำคัญเช่นนี้แล้ว หากไม่บำรุงหรือดูแลรักษามวลกระดูกให้ดี จนทำให้เกิดโรค กระดูกพรุน อาจส่งผลเสียต่อร่างกายตามมา เช่น ภาวะกระดูกที่แตกหรือหักง่าย
โรคกระดูกพรุน คืออะไร ?
โรคที่กระดูกมีมวลกระดูกลดน้อยลง เนื่องจากเกิดการสลายตัวของกระดูกเร็วกว่าการสร้างกระดูก จนทำให้ความแข็งแรงของกระดูกมีค่าลดลง ส่งผลทำให้กระดูกมีความเสี่ยงที่จะแตกและหักง่าย หากมีการหกล้มหรือการกระแทกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น
ปัจจัยเสี่ยงโรค กระดูกพรุน
-ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป
-น้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
-ผู้หญิงวัยหลังหมดประจําเดือน
-สูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
-พันธุกรรม
-ดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน เช่น กาแฟ ชา น้ำอัดลม
-รับประทานอาหารที่มีโซเดียมสูง
-รับประทานอาหารที่มีโปรตีนหรือไฟเบอร์มากเกินไป
-รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมไม่เพียงพอ
-ใช้ยากลุ่มสเตียรอยด์ติดต่อกันเป็นเวลานาน
-มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรคข้อ โรครูมาตอยด์
กระดูกส่วนไหนที่พบโรคกระดูกพรุนได้มากที่สุด
-กระดูกข้อสะโพก
-กระดูกสันหลัง
-กระดูกปลายแขน
อันตรายของโรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุนจะทำให้มวลกระดูกและความแข็งแรงของกระดูกลดลง โดยปกติจะไม่ได้แสดงอาการ แต่เนื่องจากมวลกระดูกที่ลดลง จึงส่งผลให้กระดูกแตกหักง่ายมากกว่าปกติ และทำให้มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนที่อันตรายตามมาหลังจากภาวะกระดูกหัก
อาการแทรกซ้อนของภาวะกระดูกหักจากสาเหตุภาวะโรค กระดูกพรุน
-โรคอัมพฤกษ์-อัมพาต
-หลังโก่ง หลังค่อม
-ติดเชื้อในกระแสเลือด
-ช่วยเหลือตัวเองลำบาก
-เคลื่อนไหวช้าลง
-แผลกดทับ (กรณีผู้ป่วยติดเตียง)
ประเภทของโรคกระดูกพรุน
โรคกระดูกพรุนแบบปฐมภูมิ
-เกิดกับผู้หญิงวัยหมดประจำเดือน เพราะฮอร์โมนเอสโตรเจนที่ทำหน้าที่ควบคุมระบบสืบพันธุ์ของเพศหญิงในร่างกายลดลง พบได้หลังหมดประจำเดือนไปแล้วประมาณ 15-20 ปี
-เกิดในผู้สูงอายุ 50 ปีขึ้นไป เมื่อร่างกายเสื่อมสภาพลง การทำงานของฮอร์โมนต่าง ๆ ในร่างกายก็จะมีประสิทธิภาพลดลง
โรคกระดูกพรุนแบบทุติยภูมิ เกิดจากสาเหตุอื่น ๆ พบได้ในทุกเพศทุกวัย เช่น
-โรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน โรครูมาตอยด์ โรคไตวายเรื้อรัง
-รับประทานยากลุ่มสเตียรอยด์เป็นเวลานาน
-เกิดอุบัติเหตุ
การวินิจฉัยโรคกระดูกพรุน แบ่งกระดูกออกเป็น 3 ชนิด
กระดูกปกติ คือ มีค่ามวลกระดูกอยู่ในช่วง 1 ความเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ค่ามวลกระดูก มากกว่า -1)
กระดูกโปร่งบาง คือ มีค่ามวลกระดูกอยู่ระหว่างช่วง 1-2.5 (ค่ามวลกระดูก มีค่าระหว่าง -1 ถึง -2.5)
กระดูกพรุน คือ มีค่ามวลกระดูก 2.5 หรือต่ำกว่าของค่าเบี่ยงเบนมาตรฐาน (ค่ามวลกระดูก น้อยกว่า -2.5)
วิธีป้องกันโรคกระดูกพรุน
-งดดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์และคาเฟอีน
-รับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่
-รับประทานข้าวกล้องแทนข้าวขาว
-รับประทานผักและผลไม้
-รับประทานเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไข่ และถั่ว
-งดรับประทานอาหารรสเค็มและหวานจัด
-รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม
วิธีการรักษาโรคกระดูกพรุน
-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
-รับประทานยาต้านการสลายของกระดูก เช่น ฮอร์โมนเอสโตรเจน ฮอร์โมนแคลซิโตนินแคลเซียม
-รับประทานยากระตุ้นการสร้างกระดูก เช่น แคลเซียม วิตามินดี
-หลีกเลี่ยงพฤติกรรมเสี่ยงต่าง ๆ
การดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคกระดูกพรุน
-ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับวัย เช่น เต้นแอโรบิก เดินเร็ว หรือวิ่งเหยาะ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงให้กับข้อต่อ
-ระวังการหกล้ม เพราะโรคกระดูกพรุนหากเกิดอุบัติเหตุเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้กระดูกแตกและหักได้
-รับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง เช่น นม เพราะแคลเซียมจะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระดูกได้
-ออกไปรับแสงแดด เพราะวิตามินดี ในแสงแดดจะช่วยให้แคลเซียมในร่างกายไหลผ่านเข้าสู่กระแสเลือดได้ดียิ่งขึ้น
-หากเกิดอาการผิดปกติ ควรรีบเข้าพบแพทย์
ผศ.นพ.ชายนันท์ วิจิตรตระการรุ่ง
สาขาวิชาเวชศาสตร์การกีฬา ภาควิชาออร์โธปิดิกส์
คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล