สุดเศร้า "หมอกฤตไท" เจ้าของเพจสู้ดิวะเสียชีวิตแล้ว

2023-12-05 13:16:39

สุดเศร้า "หมอกฤตไท" เจ้าของเพจสู้ดิวะเสียชีวิตแล้ว

Advertisement

สุดเศร้า "หมอกฤตไท" เจ้าของเพจสู้ดิวะ เสียชีวิตแล้ว คุณพ่อโพสต์  "เดินทางปลอดภัยครับ ลูกชาย"

จากกรณีที่ นพ.กฤตไท ธนสมบัติกุล ป่วยมะเร็งปอดระยะสุดท้าย ได้ออกมาเปิดเผยอาการป่วยของตัวเอง ผ่านทางเพจ และหนังสือ "สู้ดิวะ" ต่อมาอาการของคุณหมอไม่ค่อยดีนัก มะเร็งลุกลามไปทั่วร่างกาย ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตได้ปกติเหมือนเก่า  ทั้งนี้เมื่อวันที่ 2 พ.ย.66 ที่ผ่านมา นพ.กฤตไท ได้อัพเดทอาการ ว่า ผมคงอยู่ได้อีกไม่นานแล้วครับ ใครมีอะไรอยากพูดอยากบอกผม เชิญได้เลยครับ ผมน่าจะไปช่วงกลางเดือนหน้า จากนั้นไว้เจอกันใหม่นะครับ ณ ตอนนี้ผมพิมพ์ได้เท่านี้ก็เอาละครับ ขอบคุณสำหรับทุกอย่างตลอดช่วง 30 ปี ที่ผ่านมาครับ ขอโทษถ้าผมทำให้ใครไม่พอใจครับ ผมคงไม่ได้ไปดู NBA ผมคงไม่ทันได้เข้าไปอยู่ในบ้าน คงไม่ทันได้เจอพี่เพียวอีก จากนี้ฝากบ้าน ฝากพีม ฝากครอบครัวด้วยนะครับ ขอบคุณจากใจให้กับทุกคนที่ช่วยดูแลด้วยครับ

ล่าสุดเมื่อเช้าวันที่ 5 ธ.ค.66 นายไทภัทร ธนสมบัติกุล คุณพ่อของ นพ.กฤตไท ได้แจ้งข่าวเศร้าเนื่องในวันพ่อแห่งชาติ ผ่านเฟซบุ๊ก  ไทภัทร ธนสมบัติกุล  โดยการโพสต์รูปลูกชาย พร้อมแจ้งเวลา 10.59 น.  และแคปชั่น ว่า "เดินทางปลอดภัยครับ ลูกชาย #สู้ดิวะ"

ทั้งนี้ได้มีชาวเน็ตเข้าไปแสดงความเสียใจเป็นจำนวนมาก รวมทั้งให้กำลังใจครอบครัวธนสมบัติกุลด้วย 


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2565   นพ.กฤตไท ได้โพสต์บอกเล่าเรื่องราวของตัวเองผ่านเพจ สู้ดิวะ เกี่ยวกับอาการป่วยเป็นโรคมะเร็งปอดระยะสุดท้าย โดยในขณะนั้นอายุเพียง 28 ปี  ว่า ผมเกิดในครอบครัวใหญ่ครับ นึกภาพครอบครัวที่มีอากงอาม่า กับหลานๆหลายสิบชีวิตครับ ผมมีชีวิตวัยเด็กที่มีความสุขมากๆครับ กินเก่ง เล่นเก่ง พูดเยอะ เป็นเด็กน้อยตาตี่อ้วนกลมที่อารมณ์ดีมากๆ แต่ชีวิตผมก็มีจุดเปลี่ยนตรงช่วงมัธยมต้น ครอบครัวผมมีปัญหานิดหน่อย พ่อแม่ผมท่านได้ตัดสินใจอยู่ห่างกัน ซึ่งดีต่อท่านทั้งสองจริงๆ แต่ในมุมของผม มันทำให้ผมต้องเติบโตอย่างก้าวกระโดด เพราะต้องอยู่กับแม่และน้องสาว ผมต้องเป็นผู้ใหญ่ทันที ซึ่งมองย้อนกลับไป ผมขอบคุณเหตุการณ์ครั้งนั้นมากๆที่ทำให้ผมได้อ่านหนังสือ ได้พัฒนาความคิดและทัศนคติตัวเองขึ้นมา ถ้าไม่ได้เจอเรื่องนี้ ผมคงยังเป็นคุณชาย เป็นเด็กมัธยมธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

ผมเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงมากมายตั้งแต่ประถมจนถึงมัธยม คือต้องบอกว่าผมให้ความสำคัญกับเรื่องเพื่อนมากกว่าเรื่องเรียน ผมมีช่วงชีวิต 6 ปีที่ทรงคุณค่าที่สุดในโรงเรียนสวนกุหลาบวิทยาลัย ผม OSK 131 ครับ แน่นอนครับ ขึ้นชื่อว่าสวนกุหลาบ ผมมีความเป็นสวนกุหลาบอย่างที่สุด และผมมีเพื่อนสวนกุหลาบที่เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม ผมได้ถูกปลูกฝังให้เป็นสุภาพบุรุษสวนกุหลาบ รักเพื่อน เคารพพี่ นับถือครู กตัญญูพ่อแม่ ดูแลน้อง

หลังจากจบสวนกุหลาบ ผมได้สอบติด คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ รุ่น 56 ครับ ชีวิตได้ขึ้นเหนือในวัย 18 ปี เป็นจุดเปลี่ยนชีวิตที่สำคัญเลยครับ จากเด็กกรุงเทพ ย้ายมาใช้ชีวิตอยู่ในประเทศเชียงใหม่ โอเค ผมเรียนหมอ 6 ปีครบตามเวลา ไม่ขาดไม่เกินครับ เนื่องจากว่าผมมาเชียงใหม่คนเดียว จึงได้มามีเพื่อนใหม่ที่นี่ทั้งหมด ผมโคตรรักพวกมันเลย เพื่อนชาวเหนือ พาผมไปกินอาหารแปลกๆ เรียนรู้วัฒนธรรม คำเมือง การใช้ชีวิต  ซึ่งทุกอย่างมันมาผ่านบาสเกตบอลครับ ผมเป็นนักบาสเกตบอลของคณะแพทย์เชียงใหม่ที่ยิ่งใหญ่ครับ เรื่องราวเยอะมากๆ 


คราวนี้ผมเรียนจบหมอละ ก็เรียนต่อเฉพาะทางต่ออีก 3 ปีทันทีเลยครับ ผมเลือกสาขา เวชศาสตร์ครอบครัว (Family Medicine) เป็นแพทย์ใช้ทุนร่วมกับเรียนต่อเฉพาะทางที่โรงพยาบาลมหาราชนครเชียงใหม่ครับ เรื่องแฟมเมดเองก็เล่าได้อีกหนึ่งตอนใหญ่ๆเหมือนกันครับ ทำไมคนแบบผม ที่หยิบคนมาสิบคนก็ไม่มีใครบอกว่าผมดูเป็นหมอแฟมเมด แต่ทำไมผมถึงเลือกเรียนสาขานี้ และ ที่สำคัญคือทำไม ผมถึงเลือกที่เมื่อเรียนจบแล้ว ผมกลับไม่ได้ปฏิบัติงานในฐานะหมอแฟมเมด แต่กลับย้ายมาทำงานสายระบาดวิทยาคลินิก น่าสนุกใช่ไหมครับ ไว้เรามาว่ากันครับ

ระหว่างที่เรียนเฉพาะทาง ผมก็ฟิตมากพอที่จะไปศึกษา สาขาเฉพาะทางอีกอันหนึ่งคือ ระบาดวิทยาคลินิก (Clinical Epidemiology and Clinical Statistic) สาขาที่เรียกได้ว่าหลายคนในประเทศไทยอาจจะยังไม่รู้จักด้วยซ้ำ แต่หลักๆคือเป็นศาสตร์ของการตอบโจทย์ ตอบปัญหาของหมอในกระบวนการรักษาคนไข้ด้วยกระบวนการทางวิทยาศาสตร์และสถิติ สร้างผลงานวิจัยเพื่อช่วยให้กระบวนการดูแลคนไข้นั้นดีขึ้นครับ และผมยังฟิตกว่านั้น ด้วยการเรียนปริญญาโท วิทยาการข้อมูล คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ (Data Science) อีกใบพร้อมกันไปเลย สนุกมากครับ ปัจจุบันก็เรียนจบด้วยดี กำลังจะรับปริญญาแล้วครับ ได้เรียนรู้เรื่องข้อมูล เรื่องแนวคิดทางธุรกิจ การแก้ปัญหาด้วยแนวคิดทาง DS และวิธีการจัดการกับข้อมูลต่างๆ เพื่อพร้อมรับมือกับโลกอนาคตครับ 

โอเคครับ ปัจจุบัน ผ่านไป 3 ปี ผมจบแพทย์เฉพาะทางเวชศาสตร์ครอบครัว และปริญญาโทวิทยาการข้อมูล ผมได้บรรจุเป็นอาจารย์ประจำศูนย์ระบาดวิทยาคลินิกและสถิติศาสตร์คลินิก ภาควิชาเวชศาสตร์ครอบครัว คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ผมทำงานได้สองเดือนแล้วครับ ผมค่อนข้างมีทักษะในเรื่องการเล่าเรื่องและการสอนครับ เรากำลังสร้างทีมกัน สร้างทีม CE (clinical epidemiology) เชียงใหม่ กับสุดยอดอาจารย์แห่งยุคและทีมงานคุณภาพ

ในส่วนของการใช้ชีวิตเองผมชอบออกกำลังกายมากครับ เนื่องจากเป็นนักกีฬาด้วย เข้ายิมด้วย ดูแลสุขภาพดีมากๆ ครับ ให้ความสำคัญกับอาหารและการนอนหลับ ชอบอ่านหนังสือ ฟัง podcast ลงทุน ตามสไตล์วัยรุ่น productive ครับ  ชีวิตในวัย 28 ปี หลังจากผ่านการลงทุนในตัวเองมาอย่างหนักหน่วง ผมได้เริ่มวิ่งตามความฝันอย่างเต็มที่ เดินตามแผนที่วางไว้ได้อย่างงดงาม  ผมกำลังจะแต่งงาน กำลังจะซื้อบ้าน แล้วผมก็เป็นมะเร็งปอดระยะสุดท้ายครับ

"นิวออนไลน์" ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวธนสมบัติกุลด้วยครับ  ขอให้ดวงวิญญาณของ "หมอกฤตไท"ไปสู่สุคติ


ขอบคุณเฟซบุ๊ก ไทภัทร ธนสมบัติกุล,ขอบคุณพจสู้ดิวะ