โวย ตร.ท่องเที่ยวสนามบินสมุยเลือกปฎิบัติ ไม่จับรถป้ายดำ

2018-03-14 12:55:33

โวย ตร.ท่องเที่ยวสนามบินสมุยเลือกปฎิบัติ ไม่จับรถป้ายดำ

Advertisement

แท็กซี่มิเตอร์โวยตำรวจท่องเที่ยวกลางสนามบินสมุย ขณะถูกตรวจสอบว่าเปิดมิเตอร์ให้บริการหรือไม่ แต่ไม่ยอมจับกุมรถแท็กซี่ป้ายดำ ชี้เลือกปฎิบัติทำงานสองมาตรฐาน


เมื่อวันที่ 14 มี.ค.ผู้สื่อข่าวรายงานว่า มีผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง ถ่ายคลิปวีดีโอขณะถูกตำรวจท่องเที่ยวเข้าตรวจสอบรถแท็กซี่มิเตอร์ที่มาส่งนักท่องเที่ยวภายในสนามบินสมุย จ.สุราษฎร์ธานี มีข้อความว่า “เหตุเกิดที่สนามบินเกาะสมุย ขาออก ดูการทำงานของตำรวจท่องเที่ยวที่จ้องจับเฉพาะแท็กซี่ ส่วนรถป้ายดำทำเป็นมองไม่เห็นไม่สนใจไม่จับกุมปล่อยให้วิ่งกันตามสบาย”

โดยภาพในคลิปวีดีโอ เป็นภาพชายคนขับรถแท็กซี่มิเตอร์มีอารมณ์ฉุนจัดกับตำรวจท่องเที่ยวเกาะสมุยออกมาการกวดขันจับกุมรถแท็กซี่ที่ไม่เปิดมิเตอร์ให้บริการ ที่ผู้โพสต์ออกมาพูดว่าไม่ได้รับเป็นธรรมเพราะตำรวจจ้องจะจับแต่รถแท็กซี่ แต่กลับไม่จับกุมรถป้ายดำวิ่งรับส่งลูกค้าเข้าออกสนามบินได้อย่างเสรี ชี้แบบนี้เท่ากับเป็นการเลือกปฎิบัติการกระทำสองมาตรฐาน

ต่อมาได้มีผู้ใช้เฟซบุ๊กออกมาแสดงความคิดเห็นทั้งเห็นด้วยและเห็นต่าง เช่น “ก็เปิดมิเตอร์ให้ถูกต้องสิครับ เค้าจะได้ไม่จับเรา ไม่ต้องแคร์หรอกว่า คนนู้นคนนี้ผิดทำไมไม่จับ ตัวเองทำให้ถูกก่อนครับแล้วจะไปว่าคนอื่นจะได้ว่าได้เต็มคำ” “ทำไม ตร.ท่องเที่ยว จับแต่แท็กซี่ไม่เปิดมิตเตอร์ แต่รถป้ายดำทำไมไม่ยอมจับ” “ถ้าทำถูกต้องนายก้อไม่จับ แสดงว่าผิดนายถึงจับ อย่าไปว่าใครครับเราต้องทำของเราให้ถูกก่อน ผิดแล้วอย่าพาล”




“ถ้าแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์เข้าไปโดนจับ อันนี้ยอมรับว่าผิดจริงเพราะผมก้อขับแท็กซี่อยู่เหมือนกัน แต่พอรถป้ายดำเข้ามาส่ง ตำรวจท่องเที่ยวแต่ละคนยืนมองเฉยๆทำเมินใส่ เลือกปฏิบัติแบบนี้ได้ด้วยหรอคัฟ กฎหมายมีไว้เพื่ออะไร?


ผู้สื่อข่าวได้ติดต่อพบกับชายคนขับรถแท็กซี่มิเตอร์ในคลิปวีดีโอคนดังกล่าว ทราบชื่อว่านายสถาพร อินทรเจ้า ได้เล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นในสนามบินให้ฟังว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นตำรวจท่องเที่ยวไปเฝ้าจับแท็กซี่มิเตอร์ในสนามบินทุกวัน แต่ที่มาจับรถแท็กซี่ไม่เปิดมิเตอร์ให้บริการทำผิดยอมรับได้ แต่ที่รับไม่ได้ก็คือ รถสี่ล้อเล็กทุกชนิดที่เป็นป้ายดำมาบริการนักท่องเที่ยวแบบผิดกฎหมาย



แต่วันนี้ตนเองขับรถแท็กซี่มาส่งผู้โดยสารที่สนามบินสมุย เปิดมิเตอร์และคิดค่าโดยสารตามมิเตอร์อย่างถูกต้อง แต่ที่รับไม่ได้ก็คือ เมื่อตำรวจท่องเที่ยวเห็นรถแท็กซี่เข้ามาในสนามบินรถยังไม่ทันจอดสนิทก็เข้ามาล้อมที่ตัวรถแท็กซี่ ขณะเดียวกันรถสี่ล้อเล็กที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายมาส่งลูกค้าอยู่ข้างหน้ากลับไม่ถูกตรวจสอบหรือจับกุม ทำให้นักท่องเที่ยวตกใจว่าตำรวจมาทำไม ตนเองทำอะไรผิดหรือไม่ ตนเองก็ต้องอธิบายให้นักท่องเที่ยวเข้าใจว่าตำรวจมาตรวจสอบมิเตอร์เท่านั้นเอง

นายสถาพร ยังบอกอีกว่า ได้สอบถามตำรวจท่องเที่ยวว่า ทำไมถึงไม่ไปตรวจสอบรถสี่ล้อเล็กที่ผิดกฎหมายเข้ามาส่งผู้โดยสารภายในสนามบิน แต่คำตอบที่ได้รับจากตำรวจท่องเที่ยวกลับมาว่า “ช่างมันเถอะปล่อยเขาไป” ทำให้เป็นเรื่องราวขึ้นว่า ทำไมปฎิบัติหน้าที่ไม่เหมือนกัน การกระทำแบบนี้ทำเหมือนว่าแท็กซี่เป็นอาชญากร ผู้ก่อการร้าย แต่กับรถป้ายดำทำเฉยหันหลังให้ แบบนี้คือสองมาตรฐานที่ถูกปฎิบัติชัดเจน