"ร้อนใน" แผลในช่องปากที่ควรระวัง

2023-11-13 09:47:02

"ร้อนใน" แผลในช่องปากที่ควรระวัง

Advertisement

"ร้อนใน" แผลในช่องปากที่ควรระวัง

ร้อนใน เป็นแผลที่เกิดขึ้นตามจุดต่าง ๆ ในช่องปาก เช่น ริมฝีปากด้านใน กระพุ้งแก้ม หรือลิ้น จะมีขนาดเล็กตั้งแต่ 1 มิลลิเมตรถึงขนาดใหญ่เกิน 1 เซนติเมตร โดยรูปร่างอาจเป็นรูปวงกลมหรือวงรี มีสีขาวออกสีเหลือง รอบรอยแผลจะแดง เมื่อสัมผัสโดนแผลทำให้เกิดอาการเจ็บและระคายเคืองในปาก เช่น เวลารับประทานอาหารหรือดื่มน้ำ

สาเหตุของแผล ร้อนใน

ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่สามารถสรุปสาเหตุที่แน่ชัดได้ แต่อาจเกิดจากปัจจัยต่าง ๆ ที่เข้าไปกระตุ้นจนก่อให้เกิดแผลร้อนในขึ้น ดังนี้

-พันธุกรรม

-เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย

-การขาดสารอาหาร เช่น วิตามินบี 12 กรดโฟลิก

-การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมน โดยเฉพาะผู้หญิงช่วงก่อนมีประจำเดือนหรือระหว่างมีประจำเดือน

-ความเครียดหรือความกังวล

-พักผ่อนไม่เพียงพอ

-อาหารบางชนิดที่มีอาการแพ้

-จัดฟันหรือมีอุปกรณ์ทันตกรรมในช่องปาก

-โรคประจำตัวเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน เช่น โรคโครห์น โรคเบเช็ท เอชไอวี

อาการ

ผู้ป่วยที่เป็นแผลร้อนใน ในช่องปากโดยทั่วไปจะมีอาการที่คล้ายกัน คือ มีลักษณะบวม แดง และเจ็บบริเวณที่เป็นแผลร้อนใน บางรายอาจมีอาการอื่นร่วมด้วย เช่น มีไข้สูงหรือต่อมน้ำเหลืองบวมโต

อันตรายของแผลร้อนใน

-แผลร้อนในที่เกิดขึ้นในช่องปากจะสามารถหายเองได้ แต่ก็อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นระยะเริ่มแรกของมะเร็งในช่องปากได้เช่นกัน เนื่องจากมีอาการที่ควรเฝ้าระวัง หากแผลร้อนในมีลักษณะดังนี้ ควรรีบเข้าพบแพทย์เพื่อทำการรักษา

-แผลเกิดขึ้นจำนวนมากกว่า 1 จุด และเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องขณะที่แผลเก่ายังไม่หาย

-แผลมีขนาดใหญ่เกินกว่าปกติหรือลุกลามไปบริเวณอื่น

-มีแผลร้อนในเกิดขึ้นต่อเนื่องและอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์

วิธีการรักษา

แผลร้อนในสามารถหายเองได้ในเวลาไม่เกิน 1-2 สัปดาห์ ช่วงที่มีอาการควรปฏิบัติตัว ดังนี้

-ดูแลสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เช่น แปรงฟันโดยใช้แปรงสีฟันที่มีขนอ่อนนุ่ม

-ใช้น้ำยาบ้วนปากอ่อน ๆ

-หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารรสจัดที่ทำให้เกิดการระคายเคือง

-ใช้ยาทาเพื่อบรรเทาอาการ เช่น ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ชนิดที่ใช้ภายนอก

-ใช้ยาปฏิชีวนะหรือยาเกี่ยวกับภูมิคุ้มกัน หากอาการรุนแรง

-จี้ด้วยเคมีหรือไฟฟ้า

วิธีป้องกัน

-รับประทานอาหารให้ถูกสุขลักษณะ

-หลีกเลี่ยงอาหารรสจัด ของทอด ของมัน หรืออาหารที่มีรสเผ็ดร้อน

-รับประทานผักและผลไม้อย่างสม่ำเสมอ

-ดื่มน้ำอย่างน้อย 6-8 แก้วต่อวัน

-หลีกเลี่ยงความเครียด

-ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ

-ดูแลสุขภาพในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ เช่น แปรงฟันหลังรับประทานอาหาร

-พักผ่อนให้เพียงพอ

แผลร้อนในเป็นสิ่งที่สามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศทุกวัยหากมีอาการอาจสร้างความลำบากในการใช้ชีวิตประจำวันได้ ดังนั้นจึงควรรักษาสุขภาพช่องปากอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงอาหารรสจัดที่อาจก่อให้เกิดแผลร้อนใน หากมีความผิดปกติหรืออาการรุนแรงมากขึ้นควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาต่อไป

อ.พญ.โยษิตา หมื่นแก้ว

ภาควิชาโสต ศอ นาสิกวิทยา

คณะแพทยศาสตร์ รพ.รามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล