"อนุทิน" เตรียมขยายเวลาเปิดกิจการสถานบันเทิงจนถึงตี 4 เข้มตรวจอาวุธก่อนเข้า ตั้งด่านตรวจปืน
เมื่อวันที่ 12 ต.ค.66 ที่กรมโยธาธิการและผังเมือง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง มีข้อสั่งการให้เปิดสถานบันเทิงถึงเวลา 04.00 น. กระทรวงมหาดไทย จะใช้พื้นที่ใดเป็นพื้นที่นำร่องก่อนว่า นายกฯ ได้สั่งการเป็นนโยบาย แต่ละหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะไปทำความเห็น ซึ่งต้องถามทางเจ้าหน้าที่ตำรวจและฝ่ายผู้ประกอบการ เพื่อตอบสนองนโยบายและข้อสั่งการของนายกฯ
ต่อข้อถามว่า จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ขณะนี้ได้คุมเข้มเรื่องอาวุธปืนอย่างเข้มงวด แต่เรื่องนี้ผู้ประกอบและการประชาชนทั่วไป ก็ต้องช่วยกันเข้มงวดตรวจตรา ก่อนที่จะให้คนเข้าไปในสถานบันเทิง สถานบริการ ร้านอาหารต่างๆ อย่างเข้มงวด ก็ขอให้ช่วยกันสอดส่องดูแล ส่วนฝ่ายเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้มีการรายงานมาว่า ได้ตั้งด่านตรวจกันอย่างเข้มงวด
เมื่อถามถึงความคืบหน้าในการร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจตั้งด่านตรวจอาวุธปืน นายอนุทิน กล่าวว่า ได้ดำเนินการมาโดยตลอด ในส่วนของกระทรวงมหาดไทย ได้มีการไม่มีการออกใบนุญาตใดๆ อีกต่อไป และให้ผู้ที่เป็นเจ้าของสิ่งเทียมอาวุธปืน บีบีกัน และแบลงค์กัน เร่งนำเข้ามาสำแดงและขึ้นรายชื่อไว้กับเจ้าหน้าที่ ย้ำว่าปัจจุบันนี้ไม่สามารถพกพาอาวุธปืนออกนอกเคหสถานได้ หากถูกจับที่ด่านตรวจ ก็จะถูกตั้งข้อหารุนแรงเพิ่มมากขึ้น ทั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่ได้มีการรายงานตัวเลขการจับกุมให้กับอธิบดีกรมการปกครอง (ปค.) ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติงาน ซึ่งตนได้มอบหมายไปแล้ว
เมื่อถามอีกว่า รายชื่อกลุ่มผู้มีอิทธิพลจะมีการขยายผลต่อและส่งรายชื่อภายในสิ้นเดือนนี้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราทำไปเรื่อยๆ เพราะมีเยอะจำนวนมาก ไม่มีวันหมดอยู่แล้ว ต้องคอยทำให้กลุ่มผู้มีอิทธิพลทราบว่า พวกเขาไม่สามารถทำอะไรผิดกฎหมาย สร้างความเหลื่อมล้ำ หรือข่มเหงรังแกประชาชนทั่วไปได้
เมื่อถามถึงกรณีที่เจ้าหน้าที่บุกจับร้านคาราโอเกะ จ.ลำปาง พบมีการค้าประเวณีเด็ก และพบว่ามีกลุ่มข้าราชการเข้าไปใช้บริการด้วย นายอนุทิน กล่าวว่า มีกฎหมายดูอยู่แล้ว เจ้าหน้าที่ลงไปจับแปลว่าเจ้าหน้าที่ได้ไปทำหน้าที่ของเขา ซึ่งแต่ละพื้นที่ก็ไปดูเรื่องการเปิดเกินเวลา ตอนนี้ยังคงต้องปฏิบัติตามกฎหมายอยู่ ถึงแม้แนวโน้มนโยบายจะมีการขยายระยะเวลาการปิดออกไป แต่ปัจจุบันก็ยังต้องใช้ประกาศเดิมซึ่งต้องเร่งทำ และเมื่อประชาชนเห็นแล้วว่ามีความปลอดภัยมากขึ้น มีความเข้มงวดมากขึ้น สังคมก็อาจจะไม่ยอมให้เปิดก็ได้ เราต้องฟังความเห็นจากทุกฝ่าย ต้องเป็นความร่วมมือกันระหว่างทุกฝ่าย