"พิธา" แจงแค่ประสานชั่วคราวเหตุรุนแรงในอิสราเอลไม่มีเจตนาสร้างความสับสน

2023-10-09 19:25:37

"พิธา" แจงแค่ประสานชั่วคราวเหตุรุนแรงในอิสราเอลไม่มีเจตนาสร้างความสับสน

Advertisement

"พิธา" แจงแค่ประสานชั่วคราวเหตุรุนแรงในอิสราเอล ไม่มีเจตนาสร้างความสับสนแต่อย่างใด

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 66 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานคณะที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล โพสต์ข้อความผ่านเพจ  Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ระบุว่า จากกรณีที่เกิดเหตุปะทะรุนแรงในอิสราเอลตั้งแต่วันเสาร์ที่ 7  ต.ค. และทางผมได้ประชาสัมพันธ์อีเมลสำหรับญาติเพื่อช่วยรวบรวมส่งข้อมูลประสานงาน "เฉพาะหน้า" กับทางการไทยและอิสราเอลเพื่อดูแลความปลอดภัย ผมได้ประสานส่งข้อมูลกับทางการไทยทันทีหลังเปิดรับอีเมลตั้งแต่คืนวันเสาร์ที่ 7 ต.ค.แล้วโดยส่งข้อมูลให้สถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงเทลอาวีฟ และในวันนี้จะส่งอีเมลเพิ่มเติมไปยังกระทรวงการต่างประเทศและกระทรวงแรงงาน โดยข้อมูลทั้งหมดเป็นตารางแบบออนไลน์ แยกชื่อ อีเมล หลักฐานระบุตัวตน และเบอร์โทรของญาติสำหรับติดต่อกลับ โดยอัปเดตข้อมูลในตารางแบบ Realtime ทันที่ทีมงานเปิดอ่านข้อความอีเมลและนำข้อมูลมากรอกในตาราง(เฉลี่ยไม่เกิน 1 ชั่วโมงหลังจากได้รับอีเมล) จนถึงเวลา 12.00 น. วันนี้ ทางผมได้รวบรวมแล้วทั้งสิ้น 228 กรณี แบ่งได้ดังต่อไปนี้

-คนไทยที่เชื่อได้ว่าถูกจับเป็นตัวประกัน 9 กรณี

-คนไทยอยู่ในเขตสู้รบ ต้องการความช่วยเหลือ 72 กรณี

-กรณีที่ญาติติดต่อไม่ได้ และไม่ทราบว่าอยู่ที่ไหน 140 กรณี

-คนไทยอยู่นอกเขตสู้รบ 7 กรณี

ทั้งหมดนี้ ทำไปเพื่อช่วยเป็นสื่อกลางในการประสาน "ชั่วคราว" เพราะในช่วงแรกที่เกิดเหตุ คนไทยในอิสราเอลอาจไม่ได้รับทราบช่องทางการติดต่อสื่อสารและได้ติดต่อมาทางพรรค สส.สุเทพ อู่อ้น และผมเป็นจำนวนมาก หลากหลายช่องทาง เนื่องจากคุณสุเทพได้เคยประสานช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลต่อเนื่องมาตั้งแต่ความขัดแย้งครั้งล่าสุดเมื่อ พ.ค.2021 หรือ 2 ปีที่แล้ว

บัดนี้ กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงแรงงานได้จัดช่องทางการสื่อสารกับพี่น้องแรงงานไทยในอิสราเอลเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ผมเชื่อว่าหลังจากนี้การติดต่อสื่อสารโดยตรงระหว่างคนไทยในอิสราเอลกับทางการไทยจะดียิ่งขึ้นเรื่อยๆ ครับ ผมยินดีสนับสนุนภารกิจของรัฐบาล และไม่มีเจตนาจะสร้างความสับสนในภาวะแบบนี้แต่อย่างใด

สำหรับกรณีที่ทางการไทยได้เปิดให้คนไทยในอิสราเอลสามารถลงทะเบียนแสดงความจำนงต้องการอพยพกลับประเทศไทยนั้น ผมได้หารือกับทาง ส.ส.สหัสวัต คุ้มคง และเครือข่ายผู้ใช้แรงงาน พรรคก้าวไกล โดยมีข้อเสนอแนะต่อรัฐบาล ดังนี้

1. คนงานต้องได้รับสิทธิประโยชน์จาก กองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ ที่คนงานจ่ายสมทบก่อนเดินทางไปทำงาน กรณีต้องเดินทางกลับประเทศไทยก่อนสิ้นสุดการเป็นสมาชิกกองทุนเนื่องจากประสบปัญหาจากภัยสงคราม ตามระเบียบกระทรวงแรงงานว่าด้วยการบริหารกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศ พ.ศ. 2549

2. เนื่องจากมีคนงานที่ยังคงมีหนี้สินจากการกู้ยืมเงินเพื่อให้ได้เดินทางไปทำงานที่อิสราเอลยังคงกังวลที่จะเดินทางกลับไทยหรืออพยพไปที่ปลอดภัยอื่น เพราะอาจทำให้สัญญาจ้างงานสิ้นสุดลงได้ ทำให้ตกงานแต่ยังมีหนี้สินที่ไปกูยืมมาก่อนเพื่อมาทำงาน ดังนั้นจึงเสนอให้รัฐบาลต้องเจรจาวางเงื่อนไขการอพยพคนงานไทยที่ไปทำงานผ่าน โครงการความร่วมมือไทย - อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand - Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) หรือโครงการความร่วมมืออื่นๆ หากสงครามยุติลงให้คนงานที่ถูกอพยพในสภาวะสงครามสามารถกลับไปทำงานได้ตามเดิม

3. เสนอให้รัฐบาลเจรจาผ่อนผันหรือดูแลแนะนำประเด็นหนี้สินของคนงาน

4. กรณีคนงานไทยที่เข้าไปทำงานโดยไม่ผ่านกระทรวงแรงงาน หรือคนงานที่ลักลอบทำงานอย่างไม่ถูกต้องตามกฎหมายเสนอให้รัฐบาลดูแลตามหลักสิทธิมนุษยชน และหากคนงานประเภทนี้ต้องการกลับขอให้รัฐบาลสนับสนุนค่าใช้จ่ายและอำนวยความสะดวกในการเดินทางกลับประเทศสุดท้ายนี้ ผมขอใช้โอกาสนี้แสดงความเสียใจต่อผู้ที่สูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักจากเหตุการณ์ครั้งนี้ ผมขอยืนเคียงข้างและช่วยเหลือผู้ที่กำลังประสบเหตุเดือดร้อน และผมขอสนับสนุนการทำงานของรัฐบาลไทยในการช่วยเหลือพี่น้องคนไทยให้ปลอดภัยด้วยครับ

ขอบคุณเพจ Pita Limjaroenrat - พิธา ลิ้มเจริญรัตน์