คนไทยในอิสราเอลดับ 12 เจ็บ 8 ถูกจับ 11 (มีคลิป)

2023-10-09 15:52:57

คนไทยในอิสราเอลดับ 12  เจ็บ 8  ถูกจับ 11 (มีคลิป)

Advertisement

โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเผยคนไทยในอิสราเอลดับ 12 ราย เจ็บ 8 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 ราย แจ้งขอกลับประเทศ 1,099 ราย

เมื่อวันที่ 9 ต.ค. 66    ที่กระทรวงการต่างประเทศ นางกาญจนา ภัทรโชค อธิบดีกรมสารนิเทศ โฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลด้วย ว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ประเทศอิสราเอล ได้รับแจ้งข้อมูลเพิ่มเติมจากแรงงานไทยและนายจ้างในพื้นที่ว่า  จำนวนคนไทยที่ได้รับบาดเจ็บมี 8 ราย ถูกจับเป็นตัวประกัน 11 คน และผู้เสียชีวิตตอนนี้มีจำนวน 12 ราย ซึ่งเป็นข้อมูลที่สถานเอกอัครราชทูตไทยได้รับจากนายจ้าง เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา แต่ทางการอิสราเอลยังไม่ยืนยันตัวเลขดังกล่าว และตัวเลขยังไม่นิ่ง เพราะอยู่ในภาวะสงครามที่ยังมีการสู้รบกัน ทั้งนี้ กรณีของผู้เสียชีวิตชาวไทย 12 คน เราไม่ขอเผยแพร่ชื่อ เพราะถือเป็นมารยาทและเป็นเรื่องละเอียดอ่อน กรมการกงสุลจะดำเนินการติดต่อโดยตรงกับครอบครัวหรือญาติของผู้เสียชีวิต ผู้บาดเจ็บ หรือผู้ถูกจับตัว

ส่วนการอพยพคนไทยนั้น นางกาญจนา กล่าวว่า  กองทัพอิสราเอลได้เริ่มอพยพคนไทยออกจากพื้นที่เสี่ยงไปยังที่ปลอดภัยแล้ว ขณะเดียวกัน กองทัพอากาศของไทยเตรียมความพร้อมเรื่องของเครื่องบินแล้ว ขณะที่สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ ได้เปิดให้คนไทยในอิสราเอลกรอกแบบฟอร์มแสดงความประสงค์ขอกลับประเทศ ซึ่งข้อมูล ณ วันที่ 8 ต.ค. ที่ผ่านมา เวลา 21.00 น. ตามเวลาท้องถิ่น พบว่ามีคนไทยที่ประสงค์กลับไทย จำนวน 1,099 คน และผู้ที่ยังไม่กลับไทย 22 คน ทั้งนี้ ยังเปิดให้คนไทยในอิสราเอลทยอยกรอกแบบสอบถามนี้อยู่ สำหรับยอดรวมคนไทยในอิสราเอลมีทั้งหมดประมาณ 30,000 คน ซึ่งมีผู้ที่อยู่บริเวณฉนวนกาซา 5,000 คน ส่วนจะไปรับคนไทยกลับประเทศได้เมื่อใดนั้น เราต้องประเมินสถานการณ์และขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย อาทิ จำนวนผู้ที่ประสงค์เดินทางกลับ การลำเลียงผู้คนไปยังพื้นที่ปลอดภัยและจุดรวมพลจะทำได้เมื่อใด ซึ่งต้องคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญ  ขอย้ำรัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศเข้าใจถึงความกังวลของประชาชน ขณะเดียวกันจำเป็นต้องคำนึงถึงความละเอียดอ่อนของสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเช่นกัน ทำให้การกำหนดท่าทีต่างๆ จะต้องดำเนินการอย่างระมัดระวังและรอบคอบ แต่ขอให้ทุกคนวางใจ รัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยและสวัสดิภาพของประชาชน  

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่ทางกระทรวงฯ มอบหมายให้สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย ประสานงานพูดคุยกับสำนักงานปาเลสไตน์ในมาเลเซียด้วย นางกาญจนา กล่าวว่า สถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ คงจะได้พบกับฝ่ายปาเลสไตน์ในวันนี้ (9 ต.ค.) ซึ่งเรากำลังรอการรายงานผลหารือจากสถานเอกอัครราชทูตไทยอยู่ ขณะเดียวกัน เราได้ประสานกับประเทศอื่นๆ อยู่ที่ใกล้เคียงอิสราเอลด้วย อาทิ จอร์แดน ซึ่งทราบว่ากองทัพอากาศสามารถบินตรงได้