"สมศักดิ์" ชี้สุโขทัยได้รับผลกระทบน้ำท่วมมากที่สุดเหตุเป็นแอ่งกระทะรับน้ำจากทุกจังหวัด เล็งหาทางแก้ไขปัญหาถาวร
เมื่อวันที่ 3 ต.ค. 66 ที่ทำเนียบรัฐบาล นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงสถานการณ์น้ำท่วมที่ จ.สุโขทัย หลังจากได้ลงพื้นที่ไปเมื่อวานนี้ (2 ต.ค.) ว่า ขณะนี้อ่างเก็บน้ำ และเขื่อนมีการกักเก็บน้ำเกินกว่าร้อยละ 50 ซึ่งปัญหาทางภาคกลางยังมีปัญหาอยู่ และเป็นพื้นที่ที่ต้องติดตามเฝ้าระวัง เพราะแม่น้ำยมเป็นแม่น้ำสายเดียวที่ไม่มีเขื่อนรองรับ จึงทำให้น้ำเกิดน้ำท่วม เพราะมวลน้ำที่ไหลมามีจำนวนมากถึง 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที เวลาฝนตกลงแม่น้ำยม ไม่ว่าจะผ่านจังหวัดใดก็มีปัญหา จ.สุโขทัยถือว่าได้รับผลกระทบมากที่สุด เพราะเป็นท้องกระทะ เมื่อน้ำจาก จ.กำแพงเพชร จ.พะเยา และ จ.แพร่ ล้น ก็ไหลเข้าสู่ จ.สุโขทัย ซึ่งผ่านไป 2 วัน ความเสียหายใน จ.สุโขทัย เพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว ขณะนี้มีพื้นที่การเกษตรที่ได้รับความเสียหายกว่า 1 แสนไร่ ประชาชนได้รับผลกระทบกว่า 4,000 ครัวเรือน แต่ทั้งนี้ ได้สั่งการ ผวจ.แพร่และ ผวจ.สุโขทัย ให้ดำเนินการป้องกัน หากยังมีน้ำเติมเข้ามาในพื้นที่ ก็จะทำให้มีผลกระทบ โดยน้ำไหลผ่านแนวกั้นมาแล้ว 4 แห่ง ทำให้เกิดผลกระทบที่ จ.สุโขทัย ขณะนี้ได้ระบายน้ำไปอีกทางหนึ่ง คือระบายไปทาง จ.อุตรดิตถ์ แม้โครงการการปรับปรุงคลองยม-น่าน จ.สุโขทัย ยังไม่เรียบร้อยดี แต่ก็สามารถดำเนินการได้ โดยพยายามปล่อยให้เต็มที่
นายสมศักดิ์ กล่าวว่า แต่ละจังหวัดที่อยู่รอบ จ.สุโขทัย ไม่มีปัญหาเรื่องการปล่อยน้ำ เพราะแม่น้ำยมไม่มีเขื่อน แต่ครั้งนี้ปริมาณน้ำไม่หนักเท่าปี 54 ที่มีความเสียหาย 1.4 ล้านล้านบาท และเนื่องจากแม่น้ำยมไม่มีเขื่อนกั้น ก็ทำให้เกิดความเสียหายทุกปี ซึ่งทุกรัฐบาลมีความเข้าใจในการแก้ไขที่จะทำให้เกิดอย่างถาวร อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ฝั่งขวาแม่น้ำยมกำลังดำเนินการเรื่องฝายกั้น เพื่อแก้ปัญหาระยะยาวแล้ว