มูลนิธิสืบฯจี้ ผบ.ตร.เร่งรัดคดี "เปรมชัย”

2018-03-05 14:25:44

มูลนิธิสืบฯจี้ ผบ.ตร.เร่งรัดคดี "เปรมชัย”

Advertisement

มูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ครบ 1 เดือนคดีลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จี้ ผบ.ตร.เร่งรัดคดี ลั่นหากสำนวนส่งฟ้องศาล ไม่มีข้อหาเจตนาฆ่า ล่าสัตว์ป่า ประชาชนจะออกมาเดินกลางถนนเป่านกหวีดแน่นอน



เมื่อวันที่ 5 มี.ค.ที่ มูลนิธิสืบนาคะเสถียร นายศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร พร้อมด้วยนายภานุเดช เกิดมะลิ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ได้อ่านแถลงการณ์ทวงถามความคืบหน้าคดีล่าสัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก ระบุว่า กรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตก จับกุมนายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) และพวกรวม 4 คน ในพื้นที่ ที่ไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า และตรวจยึดซากสัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมอาวุธปืนและเคื่องกระสุน ปลอกกระสุนนั้น จนวันนี้ผ่านไปครบ 1 เดือนแล้ว แต่การสอบสวนเพื่อดำเนินการ กลับเป็นไปอย่างล่าช้าในสายตาของสาธารณชน



มูลนิธิสืบนาคะเสถียร เห็นว่า 1. เมื่อพิจารณาจากพฤติการณ์แห่งคดี พบข้อเท็จจริงว่า นายเปรมชัยกับพวกลักลอบนำอาวุธปืนซุกซ่อนไว้ในรถก่อนขออนุญาตเข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าตั้งแต่แรกแล้ว ซึ่งมีการเข้าไปตั้งแคมป์ในเส้นทางและบริเวณพื้นที่ที่ไม่อนุญาตให้เข้าไป แสดงให้เห็นว่าอาจมีเจตนาเข้าไปภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า เพื่อล่าสัตว์ป่า ตั้งแต่แรกหรือไม่ ประกอบกับเสียงปืนที่ดังมาจากบริเวณที่ไม่อนุญาต ให้เข้าไปจึงมีเพียงกลุ่มของนายเปรมชัยกับพวกเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้นที่เข้ามา พร้อมกับอาวุธปืน เครื่องกระสุน และปลอกกระสุน รวมถึงซากสัตว์ป่า และร่องรอยกระสุน บนซากสัตว์ป่า เศษซากกระดูกสัตว์ป่าที่พบในลำห้วย รวมทั้งการประกอบอาหารที่ทำมาจากเนื้อสัตว์ป่า ที่ตรวจพบล้วนเป็นพยานวัตถุสำคัญที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ที่ชัดเจนยิ่งว่านายเปรมชัยกับพวกได้ร่วมกันกระทำความผิดสำเร็จฐานล่าสัตว์ป่าคุ้มครองภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า





2. คดีนี้ไม่ใช่คดีที่ซับซ้อนจึงขอเร่งรัดให้ฝ่ายที่ดูแล และรับผิดชอบการดำเนินคดี โดยเฉพาะตำรวจ เร่งรัดดำเนินการเพื่อสรุปสำนวน พร้อมความเห็นไปยังอัยการและส่งฟ้องศาลอย่างรวดเร็ว อย่าพยายามเบี่ยงเบนประเด็นการสอบสวนโดยการมุ่งไปสู่การเสาะหาพยานวัตถุที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ 3.ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล เร่งรัดติดตามคดีนี้อย่างใกล้ชิด และขอให้กรมอุทยานฯ ตรวจสอบสำนวนคดีในชั้นอัยการอย่างรอบคอบก่อนส่งฟ้องศาลเพื่อป้องกันความคลาดเคลื่อนไปจากพฤติการณ์แห่งคดีที่ปรากฏชัดแจ้งนี้ และ 4. ขอให้รัฐบาล หน่วยงานของภาครัฐออกมายืนเคียงข้างประชาชน เพื่อสนับสนุนกิจกรรมทางอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และร่วมกันประณามผู้ที่มีเจตนาในการทำร้ายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเพื่อให้เกิดตัวอย่างที่ดีให้แก่สังคมต่อไปในอนาคต



“มูลนิธิสืบนาคะเสถียรจะส่งแถลงการณ์ฉบับนี้ไปยัง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ก่อน และจะร่วมกับเครือข่ายองค์กรอนุรักษ์อื่นๆ เดินทางไปพบ พล.ต.อ.จักรทิพย์ เพื่อให้เร่งรัด การดำเนินการเรื่องนี้ ขอประกาศว่า หากในสำนวนคดี ที่ตำรวจจะส่งฟ้องศาล ไม่มีข้อหาเจตนาฆ่า ล่าสัตว์ป่า เราคิดว่า เราไม่จำเป็นต้องนัดกับใคร เพื่อจะออกมาเรียกร้องเรื่องนี้ เพราะพวกเราไม่ยอม นั่นหมายความว่าจะเกิดปรากฏการณ์ เป่านกหวีด ประชาชนจะออกมาเดินกลางถนน อีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอน”นายศศิน กล่าว