ไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 แล้ว 5 ราย

2023-07-14 09:59:26

ไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 แล้ว 5 ราย

Advertisement

อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์เผยไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 แล้ว 5 ราย ยังไม่พบข้อมูลความรุนแรง

เมื่อวันที่ 14 ก.ค.66 ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวพบโควิด 19 สายพันธุ์ EG.5.1 แพร่เร็วกว่า XBB.1.16 นั้น กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมดังนี้ EG.5.1 หรือ XBB.1.9.2.5.1 เป็นสายพันธุ์ย่อยของโอมิครอน XBB.1.9.2. มีตำแหน่งกลายพันธุ์เพิ่มเติมบนโปรตีนหนาม คือ S:F456L (กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 456 เปลี่ยนจากฟีนิลแอลานีน เป็น ลิวซีน) และ S:Q52H (กรดอะมิโนที่ตำแหน่ง 52 เปลี่ยนจากกลูตามีน เป็น ฮีสติดีน) ทั้งนี้อัตราการแพร่เชื้อในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา ในภาพรวมทั่วโลก พบว่า สูงกว่าสายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16 ร้อยละ 45

สำหรับสถานการณ์ในภูมิภาคเอเชีย ระหว่างวันที่ 4 มิ.ย. - 4 ก.ค.66 พบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์ ที่พบมากที่สุด คิดเป็น 13.71% รองลงมาคือสายพันธุ์ XBB.1.9.1 คิดเป็น 8.68% และสายพันธุ์ EG.5.1 คิดเป็น 7.33%

สถานการณ์ของสายพันธุ์ EG.5.1 ทั่วโลก อ้างอิงจากฐานข้อมูลกลาง GISAID แบ่งตามภูมิภาค ดังนี้ เอเชีย 1,385 ราย ยุโรป 203 ราย โอเชียเนีย 35 ราย อเมริกาเหนือ 360 ราย อเมริกากลาง 4 ราย และอเมริกาใต้ 1 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 10 ก.ค.66)

สายพันธุ์ EG.5.1 ในภูมิภาคเอเชีย พบรายงานจาก 11 ประเทศโดยลำดับจากมากไปน้อย ดังนี้ จีน เกาหลีใต้ ญี่ปุ่น สิงคโปร์ ฮ่องกง อิสราเอล ลาว อินโดนีเซีย ไต้หวัน ไทย และ อินเดีย สำหรับประเทศไทยพบสายพันธุ์ EG.5.1 จำนวน 5 ราย รายงานครั้งแรกในเดือน เม.ย.66 จำนวน 1 ราย เดือน พ.ค.66 จำนวน 3 ราย และเดือน มิ.ย.66 จำนวน 1 ราย ทั้งนี้ ยังไม่พบข้อมูลเรื่องการเพิ่มความรุนแรง

นพ.ศุภกิจ กล่าวต่อว่า สถานการณ์โดยรวมในปัจจุบันพบว่า XBB.1.16 เป็นสายพันธุ์หลักที่ระบาด ของประเทศไทย ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมาระหว่างวันที่ 17 – 23 มิ.ย.66 ผลการถอดรหัสพันธุกรรมเชื้อก่อโรคโควิด 19 จำนวน 74 ราย พบเป็นสายพันธุ์ลูกผสม XBB. 73 ราย (นับรวม XBB.1, XBB.1.9, XBB.2.3, XBB.1.5, XBB.1.16) คิดเป็น 98.6% และสายพันธุ์ลูกผสม XBL (XBB.1.5 ผสมกับ BA.2.75) 1 ราย สัดส่วนสายพันธุ์ที่ตรวจในสัปดาห์นี้ สองอันดับแรก ได้แก่ สายพันธุ์ลูกผสม XBB.1.16 และ XBB.1.9.1 คิดเป็น 56.76% และ 16.22 % ตามลำดับ ซึ่งไม่พบ EG.5.1 ในสัปดาห์นี้

ปัจจุบันองค์การอนามัยโลกให้ความสำคัญกับการติดตามโอมิครอน จำนวน 8 สายพันธุ์ จากพื้นฐานของข้อมูล การเพิ่มความชุกหรือความได้เปรียบด้านอัตราการเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับสายพันธุ์อื่นๆ และการกลายพันธุ์ในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับการได้เปรียบในการก่อโรค ได้แก่ สายพันธุ์ที่เฝ้าระวัง หรือ Variants of Interest (VOI) 2 สายพันธุ์ ได้แก่ XBB.1.5 และ XBB.1.16 และสายพันธุ์ที่ต้องจับตามอง หรือ Variants under monitoring (VUM) 6 สายพันธุ์ ได้แก่ BA.2.75, CH.1.1, XBB, XBB.1.9.1, XBB.1.9.2 และ XBB.2.3  ทั้งนี้กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ยังคงเฝ้าระวังการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์ของเชื้อก่อโรคโควิด 19 อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในรายที่มีอาการรุนแรง หรือเสียชีวิต” นายแพทย์ศุภกิจ กล่าว