"ส.ส. –ส.ว."รุมถล่มแก้ ม.112 "พิธา" ไม่เหมะสมนายกฯ

2023-07-13 17:13:50

 "ส.ส. –ส.ว."รุมถล่มแก้ ม.112  "พิธา" ไม่เหมะสมนายกฯ

Advertisement

"ส.ส. –ส.ว."รุมถล่มแก้ ม.112  "พิธา" ไม่เหมะสมเป็นนายกฯ แนะเลิกอ้างเสียงข้างมาก  ด้าน "พิธา"โต้ไม่ได้ยุยงเด็กละเมิดสถาบัน 

เมื่อวันที่ 13 ก.ค. 66  ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคล ซึ่งสมควรได้รับแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี มาตรา 272 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่ประชุมรัฐสภาได้เปิดโอกาสให้ ส.ส.และส.ว.สลับกันขึ้นมาอภิปราย โดยส.ว.และส.ส.ฝ่ายพรรคร่วมรัฐบาลเดิมส่วนใหญ่อภิปรายแสดงความกังวลและตั้งคำถามเรื่องการแก้ไขมาตรา112 ของพรรคก้าวไกล ตลอดจนแนวคิดการเปลี่ยนวันชาติ การแบ่งแยกดินแดน ทำให้ไม่สามารถสนับสนุนนายพิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้   ทำให้ส.ส.พรรคก้าวไกล อาทิ นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ทักท้วงนายพรเพชร วิชิตชลชัย รองประธานรัฐสภา ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมว่า ปล่อยให้สมาชิกรัฐสภาพาดพิงพรรคก้าวไกลอยู่เป็นระยะ ควรให้โอกาสพรรคก้าวไกลได้ชี้แจงบ้าง นายพรเพชรจึงให้พรรคก้าวไกลได้ใช้สิทธิพาดพิง

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์  ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวว่า ขอชี้แจง 3 เรื่องคือ 1. เรื่องต่างประเทศ ยืนยันว่านโยบายต่างประเทศของตนจะหาจุดสมดุลระหว่างมหา อำนาจ ไม่ใช่เงียบทุกเรื่องทำไห้ประเทศไทยไม่มีน้ำหนักในเวทีการเมือง 2.เรื่องการแบ่งแยกดินแดน ขอให้คำยืนยันรัฐไทยภายใต้การนำของตน ประเทศไทยจะเป็นรัฐเดี่ยว จะทำทุกวิถีทาง ผ่านการทูต พลเรือน ให้รัฐไทยเป็นรัฐเดี่ยว มีความก้าวหน้า จะลดความมั่นคงทางทหาร เพิ่มความมั่นคั่งทางอาหาร เพื่อแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ใช้สภาเป็นพื้นที่พูดคุยป้องกันการแบ่งแยกดินแดน 3.ปัญหายาเสพติด จะนำเทคโนโลยีมาช่วย และพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน เราจะใส่ใจแน่นอน รับประกันได้

ด้าน นายชัยธวัช ตุลาธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวว่า การตั้งคำถามว่า ถ้าพรรคก้าวไกลเสนอยกเลิกโทษจำคุกกรณีหมิ่นสถาบัน จะทำให้เกิดความวุ่นวายนั้น ขอชี้แจงว่า ไม่ใช่สังคมใหม่ที่วุ่นวาย ข้อเสนอนี้มาจากหลักการสากลปัจจุบันในนานาอารยะประเทศ เนื้อหาที่พรรคก้าวไกลเคยเสนอแก้ไข เพื่อประกันเสรีภาพการแสดงออกให้ได้สัดส่วนในสิทธิชื่อเสียงบุคคลอื่น สอดคล้องหลักสิทธิเสรีภาพหลักประชาธิปไตยสมัยใหม่ การลงโทษจำคุกคดีอาญา ควรมีเฉพาะการทำผิดที่มีลักษณะร้ายแรงเท่านั้น ส่วนลงโทษจำคุกฐานหมิ่นประมาท จะกระทบเสรีภาพเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณชน หลายประเทศยกเลิกโทษจำคุกคดีหมิ่นประมาท ไม่ใช่เรื่องน่ากลัว การเสนอบทยกเว้นโทษหมิ่นสถาบันที่ระบุว่าไม่เคยเห็นนั้น เคยปรากฏมาปี 2478 มีบทยกเว้นมาแล้ว ถ้าวิจารณ์ด้วยความบริสุทธิ์ใจ เราไม่ได้เสนอร่างกฎหมายที่พิสดาร แต่ถูกนำไปอธิบายให้ดูน่ากลัวเกินไป เพราะรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้อยู่แล้วว่า พระมหากษัตริย์อยู่ในฐานะเคารพสักการะ ผู้ใดละเมิดไม่ได้ แต่กลับทุกตีความเกินเลย จำเป็นต้องอธิบายต้องให้เข้าใจ

ต่อมาเวลา 13.4 5  น. นายเสรี สุวรรณภานนท์ ส.ว.อภิปรายว่า นายพิธาไม่สมควรได้รับเสนอชื่อเป็นนายกรัฐมนตรี การที่พรรคก้าวไกลได้ 14 ล้านเสียง อย่าสำคัญผิดว่าได้ 30เสียงล้านเสียง เพราะเสียงที่เหลือเป็นของพรรคอื่นที่ประชาชนลงคะแนนให้ พรรคเพื่อไทยก็ได้ 10 ล้านเสียง ที่ไม่เลือกนายพิธาเป็นนายกฯ การทำหน้าที่นายกฯต้องมีพฤติกรรมชัดเจน ไม่หลบลู่สถาบัน 4 ปี ส.ว.ถูกด่ามาตลอด แต่ทนอยู่เพื่อปกป้องบ้านเมืองที่มีสร้างแนวคิดให้ประชาชน และยุยงเด็กไปในแนวทางที่ผิด ให้ละเมิดสถาบัน ถ้าบอกว่า อยากเป็นนายกรัฐมนตรีและจะเลิกแก้มาตรา112 ตนก็ไม่เชื่อ คิดว่าหลอกลวง วันนี้พูดอย่าง พรุ่งนี้พูดอีกอย่าง

จากนั้นนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใช้สิทธิถูกพาดพิงชี้แจงการยุยงสนับสนุนเด็ก ยืนยันว่า  เด็กรุ่นใหม่ยุยงปลุกปั่นไม่ได้ เขามีความคิดเป็นของตัวเอง สามารถเข้าถึงข้อมูลได้ ไม่เหมือนสมัยก่อน ส่วนการใช้ตำแหน่ง  ส.ส.ไปประกันตัวเด็กนั้น เพื่อต้องการให้เข้าถึงเสรีภาพการเข้าถึงทนาย และสันนิษฐานว่า เป็นผู้บริสุทธิ์ไว้ก่อน ถ้ายังไม่มีคำพิพากษา

ขณะที่นายเสรี โต้กลับว่า มีหลักฐานเป็นคลิประบุชัดเจนที่เด็กพูดเองมีพรรคก้าวไกลอยู่เบื้องหลัง แต่นายพิธา ยืนยันว่า เรื่องคลิปต่างๆมีเฟกนิวส์ ใครจะทำอะไรก็ได้ เพราะไม่มีการตรวจสอบ จะพูดอะไรต้องพิสูจน์ก่อน ต้องมีวุฒิภาวะการตรวจสอบ แต่นายเสรี ยืนยันว่า ที่ผ่านมาอยู่ในสายตาท่านมาตลอด ไม่ใช่เฟกนิวส์ เป็นเรื่องจริง

จากนั้น นายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า ขณะนี้มีกองทัพอวตารแก้ว 3 ประการในโซเชียล พยายามมากดดัน บูลลี่ ส.ว.ให้เลือกตามมติเสียงข้างมาก แม้จะมีส.ว.บางส่วนขอปิดสวิตช์ตัวเอง แต่ก็ยังการขู่ บูลลี่ไม่ให้ปิดสวิตช์ ไม่ขอพูดถึงวิชามารมีทุกรูปแบบ แต่ยืนยัน ส.ว.ทั้งหมด มีสิทธิทำหน้าที่เท่าเทียม ส.ส.ทุกประการ ทุกคนทำหน้าที่อย่างสุจริต ไม่มีอคติ อามิสสินจ้าง แต่ตลอดเวลาที่ผ่านมาใช้มวลชนบนท้องถนน กองทัพอวตารในโซเชียลโจมตีส.ว. แต่ตนจะทำหน้าที่ด้วยความไม่เกรงกลัวใดๆทั้งสิ้น เชื่อมั่นว่า ส.ว.ทุกคนเคารพเสียงเลือกตั้งที่เห็นด้วยกับทุกพรรคการเมือง ขอร้องหลังจากเลือกเสร็จแล้วไม่ว่านายพิธาจะได้เป็นนายกฯหรือไม่ ขอให้เลิกอ้างเสียงข้างมากมากดดัน เพราะผิดหลักประชาธิปไตย เป็นอนาธิปไตย

“ต้องเลิกอ้างเสียงข้างมาก 14 ล้านเสียง แล้วบังคับคนทั้งประเทศว่าต้องเห็นด้วย แบบนั้นผิดหลักประชาธิปไตยแต่เป็นเผด็จการ เรากำลังเข้าสู่การเมืองที่เราอยากเห็นประชาธิปไตยรุ่นใหม่ เราอยากเห็นความสงบ วันนี้เราเดินเข้าสู่ครรลองประชาธิปไตยแล้ว อย่าใช้สังคมกดทับ อย่าใช้ประชาธิปไตยแบบฟุ่มเฟือย หรือเลือกพวกข้าเท่านั้นที่ถูก เลือกพวกเอ็งผิด แบบนั้นไม่ใช่ประชาธิปไตย ถ้าเลือกทางเดินแบบสุดโต่ง สร้างลัทธิสุดโต่งครอบงำเยาวชน ผมในฐานะสมาชิกรัฐสภา พิจารณาแล้วเห็นว่านายพิธา ยังไม่เหมาะสมเป็นนายกฯ” นายสมชาย กล่า