"สนธิรัตน์"ห่วงการเมืองไทยไม่นิ่ง แต่วิสัยทัศน์เพื่อประเทศไทยต้องไปต่อ
เมื่อวันที่ 3 ก.ค.66 นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัวแสดงความคิดเห็นต่อการเมืองและเศรษฐกิจของประเทศไทย โดยระบุว่าการเมืองจะยังคงไม่นิ่งจนกว่าจะตั้งระฐบาลใหม่เสร็จ แต่ตนขอเสนอแนะว่า แม้การเมืองไม่นิ่ง แต่วิสัยทัศน์เพื่อประเทศไทยต้องไปต่อ โดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ซึ่งวันนี้คู่ค้าหลักของประเทศไทยอย่างสหรัฐฯ และจีน ต่างเผชิญปัญหา และส่งผลกระทบโดยตรงต่อประเทศไทยทั้งในมิติการค้า การลงทุน ซึ่งทางออกสำคัญของเราคือต้องรักษาตลาดเดิม และแสวงหาตลาดใหม่ ขณะเดียวกัน ต้องยอมรับก่อนว่า ปัญหาสำคัญของเราในวันนี้คือโอกาสทางเศรษฐกิจไทยในห่วงโซ่การค้าโลกยังตามหลังหลายๆ ประเทศในภูมิภาค และที่ตนพูดแบบนี้เพราะปัจจุบันเรามี FTA 14 ฉบับ ครอบคลุม 18 ประเทศ เมื่อเทียบประเทศเพื่อนบ้านอย่าง อินโดนีเซียมี 14 ฉบับครอบคลุม 28 ประเทศ มาเลเซียมี16 ฉบับ ครอบคลุม 22 ประเทศ เวียดนามมี 15 ฉบับครอบคลุม 53 ประเทศ จึงถือว่าโอกาสทางเศรษฐกิจของเรายังน้อยกว่าเขามาก
นายสนธิรัตน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้เราอยู่ระหว่างเจรจากับตลาดอย่าง EFTA ศรีลังกา แคนาดา ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นในปี 2567 และจะมีการเจรจาเพิ่มเติมในตลาดใหญ่ อย่าง EU ซึ่งสิงคโปร์และเวียดนาม มีความตกลงไปก่อนหน้าเราแล้วใน 4 ปีที่ผ่านมา ส่วนตลาดใหม่ที่น่าจับตา คือกลุ่มตลาดตะวันออกกลางที่มีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง ข่าวล่าสุดอย่าง Saudi Vision 2030 ต่อนโยบายการปลูกต้นไม้กว่า 50,000 ล้านต้น ถือเป็นอีกหนึ่งโอกาสทองสำหรับธุรกิจที่เกี่ยวข้องเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะการส่งออกต้นไม้จากประเทศไทย การเร่งศึกษาและเปิดการเจรจาในตลาดนี้ถือเป็นโอกาสที่น่าสนใจ ซึ่งสิงคโปร์นำหน้าเราไปแล้วอีกหนึ่งก้าวในความตกลงนี้ภายใต้ชื่อ GSFTA ถือเป็นประเทศเดียวในภูมิภาคด้วยครับ
“วิสัยทัศน์เพื่อประเทศไทยต้องไปต่อ จากนี้ไปเราต้องเดินให้เร็วกว่านี้ เพราะทุกความเร็วคือโอกาสของประเทศไทยและของคนไทยทุกคน” นายสนธิรัตน์ ระบุ