คุมตัว “ไอ้ทิษ" ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงนักศึกษาหนุ่ม ฉุดนักศึกษาสาวข่มขืนไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพิ่มเติมบริเวณทางเข้ามหาวิทยาลัยและจุดขับรถปาดหน้าเหยื่อก่อนลากขึ้นรถ ตำรวจตั้ง 7 ข้อหาหนัก
ความคืบหน้ากรณีนายทิษณุ โถนารัตน์ อายุ 29 ปี หรือ ชิต หรือ ทิษ ชาว อ.คำม่วง จ.กาฬสินธุ์ ผู้ต้องหาในคดีพยามฆ่าและข่มขืนนักศึกษาของมหาวิทยาลัยชื่อดังใน จ.กาฬสินธุ์ ได้ขอเข้ามอบตัวกับตำรวจ เพราะเกรงว่าจะถูกวิสามัญ หลังเจ้าหน้าที่ประกาศจับตายหากพบมีการยิงต่อสู้ขัดขืน
ล่าสุดเมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 17 ก.พ. พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.โสภณ วารี รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ไพโรจน์ ไทยพุทธา รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ณัฏฐ์ภาณพ วัชระเสวี ผกก.สภ.นามน พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สส.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.ท.กฤษดา ขันโสดา รอง ผกก.สืบสวน สภ.นามน นายชนิพนธ์ สงวนสัตย์ นายอำเภอนามน พร้อมตำรวจชุดสืบสวน เจ้าหน้าที่สายตรวจ และกำลังทหารคุมตัวนายทิษณุ ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพเพิ่มเติมตั้งแต่บริเวณสามแยกทางเข้ามหาวิทยาลัย หลังจากเมื่อวันที่ 17 ก.พ. ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่คุมไปไปชี้จุดและทำแผนตามเส้นทางถนนตั้งแต่อ.สมเด็จไปจนถึง จ.สกลนคร ระยะทางกว่า 80 กม.ที่คนร้ายฉุดนักศึกษาขึ้นรถแล้วขับไปตามถนนสายดังกล่าว โดยมีกำลังเจ้าหน้าที่กว่า 100 นายคอยคุ้มกันความปลอดภัยท่ามกลางเพื่อนนักศึกษา และชาวบ้านที่มุ่งดูเหตุการณ์ และต่างตะโกนสาปแช่ง
โดยการทำแผนดังกล่าวเป็นไปตามคำรับสารภาพของผู้ต้องหาเริ่มตั้งแต่บริเวณสามแยกทางเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นจุดที่นายทิษณุขับรถยี่ห้อโตโยต้า วีโก้ สีดำ ทะเบียน บย 8560 กาฬสินธุ์ หลังจากเสพยาบ้า พร้อมกับดื่มสุรามาในรถ เพื่อตะเวนหาเหยื่อหมายจะฉุดไปข่มขืน กระทั่งมาพบ 2 นักศึกษาชายและหญิงขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากปั้มน้ำมัน จึงขับตามพยายามปาดหน้าที่บริเวณฝรั่งรีสอร์ทแต่ไม่สำเร็จ เนื่องจากทั้ง 2 คน พยายามขี่รถหนีจนกระทั่งตามไปถึงบริเวณถนน สายโนนสำราญ-หนองน้อย หน้าวัดอรัญญิกาวาส หรือวัดบ้านหนองโพนสูง หมู่ที่ 13 ต.ยอดแกง อ.นามน จ.กาฬสินธุ์ได้ขัดปาดหน้าจนรถจักรยานยนต์ล้มลงแล้วลงไปยิงหน้านักศึกษาชาย แล้วฉุดนักศึกษาสาวขึ้นรถไปข่มขืน
ทั้งนี้นายทิษณุ ได้รับสารภาพว่า มีอาชีพรับจ้างกรีดยางพาราและขับรถส่งก้อนยางพารา ซึ่งก่อนเกิดเหตุได้ทะเลาะกับภรรยาเรื่องปัญหาครอบครัว จึงเสพยาบ้าไป 3 เม็ด พร้อมกับดื่มเหล้าขาวมาในรถจนเมาได้ที่ จากนั้นจึงขับรถออกไปตามถนนสายต่างๆเพื่อตะเวนหาเหยื่อที่จะฉุดไปข่มขืน เริ่มตั้งแต่ อ.คำม่วงไปตามเส้นทาง อ.สหัสขันธ์ เข้าตัวเมืองกาฬสินธุ์ ก่อนที่มุ่งหน้าไปยัง อ.สมเด็จ กระทั่งมาพบ 2 นักศึกษาที่ขี่รถจักรยานยนต์ออกมาจากปั้ม บริเวณสามแยกไฟแดงทางเข้ามหาวิทยาลัยจึงเร่งเครื่องขับตามและขับปาดหน้า ยิงนักศึกษาชายแล้วฉุดตัวนักศึกษาผู้หญิงไปข่มขืน จากนั้นนำตัวขึ้นรถขับไปตามถนนสายอำเภอสมเด็จ-สกลนคร ซึ่งระหว่างทางได้จอดรถนำเสื้อของเหยื่อมัดมือพร้อมกับใช้ปืนจี้บังคับให้ถอดเสื้อผ้าและลงมือขืนใจภายในรถบริเวณแคปหลังเบาะนั่งคนขับ 3 ครั้งแต่ไม่สำเร็จ พร้อมกับยึดเอาเงินเหยื่อจากกระเป๋าจำนวน 3,000 บาท จนไปถึงเขต อ.เมืองสกลนครจึงได้แวะเติมน้ำมัน ก่อนที่จะขับรถกลับ จ.กาฬสินธุ์ และระหว่างทางได้ลงมือข่มขนเหยื่ออีกครั้ง ก่อนที่จะปล่อยตัวไป โดยระหว่างการปล่อยตัวได้ให้โอกาสวิ่งหนี 10 วินาที จากนั้นจึงขับรถกลับบ้าน และไปทำงานกรีดยางตามปกติ จนมาทราบข่าวว่าถูกตามจับจึงหนีเข้าป่าและกลัวว่าจะถูกวิสามัญจึงขอเข้ามอบตัวดังกล่าว
ด้าน พล.ต.ต.มนตรี จรัลพงศ์ ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า หลังจากเจ้าหน้าที่ตำรวจทำงานอย่างเต็มความสามรถ พร้อมกับกดดันอย่างหนัก เพื่อเร่งติดตามตัวคนร้ายที่ก่อเหตุ กระทั่งคนร้ายยอมมอบตัว ซึ่งหลังจากทำแผนประกอบคำรับสารภาพเสร็จแล้ว เจ้าหน้าที่จะได้นำตัวส่งพนักงานสอบสวน พร้อมนำตัวไปฝากขังที่ศาลจังหวัดกาฬสินธุ์โดยแจ้งข้อหา 1.พยามฆ่าผู้อื่น 2.ข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการไม่กระทำการโดยมีอาวุธ 3.พกพาอาวุธปืนไปในเมือง หมู่บ้าน หรือทางสาธารณะโดยไม่ได้รับอนุญาต หรือมีเหตุอันสมควร 4. ข่มขืนกระทำชำเราผู้อื่นโดยใช้กำลังประทุษร้ายหรืออยู่ในภาวะที่ไม่ขัดขืนได้ และแจ้งข้อหาเพิ่มอีก 3 ข้อหา คือชิงทรัพย์ ยิงปืนในที่สาธารณะโดยไม่มีเหตุอันควร และกักขังหน่วงเหนี่ยว เนื่องจากคนร้ายได้เอาเงินผู้เสียหายไปด้วย ทั้งนี้เบื้องต้นจากการสอบปากคำและคำรับสารภาพคนร้ายรายนี้ถือเป็นบุคคลอันตรายและเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่ปักใจเชื่อกับคำให้การว่าเป็นการก่อเหตุครั้งแรก เพราะเท่าที่สอบถามหากทะเลาะกับภรรยาครั้งใดก็มักจะเสพยา ดื่มสุรา และขับรถตะเวนออกจากบ้านทุกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่จะต้องสืบสวนต่อว่าเคยก่อเหตุลักษณะเดียวกันนี้อีกหรือไม่
อย่างไรก็ตามมีรายงานว่าผู้เสียหายที่เป็นนักศึกษาชายที่ถูกยิง ขณะนี้ยังนอนพักรักษาตัวที่ โรงพยาบาลกาฬสินธุ์ ซึ่งอาการดีขึ้นตามลำดับ เบื้องต้นทางมหาวิทยาลัยจะได้ออกค่าใช้จ่ายในการรักษาพยาบาลทั้งหมด เนื่องจากมีประกันสุขภาพนักศึกษา ส่วนนักศึกษาหญิงนั้นขณะนี้ยังอยู่ในอาการหวาดผวา และยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ซึ่งเก็บตัวเงียบ มีเพียงบรรดาเพื่อนๆ คณะครู อาจารย์ และญาติที่ต้องดูแลอย่างใกล้ชิด และต้องคอยปลอบขวัญกำลังใจเท่านั้น แต่ยังไม่มีหน่วยงานใดที่เกี่ยวข้องของภาครัฐเข้าไปดูแลให้การช่วยเหลือ หลังจากที่ต้องประสบเคราะห์กรรมตกเป็นเหยื่อของภัยของสังคม