"ทนายตั้ม"ตั้งโต๊ะแถลงเคลียร์ทุกประเด็น แจงปี 65 บริษัทมีรายได้ 22 ล้าน เสียภาษีทุกอย่างถูกต้อง พร้อมให้ตรวจสอบ จ่อฟ้องคนกุเรื่อง แนะคนแต่งเรื่องโจมตีไปหาหมอ
เมื่อวันที่ 3 พ.ค. 66 ที่สำนักงานษิทรา ลอว์ เฟิร์ม นายษิทรา เบี้ยบังเกิด หรือ "ทนายตั้ม" ได้แถลงเคลียร์ทุกประเด็นที่สังคมสงสัย รวมทั้งรายได้ว่า ก่อนหน้านี้ตนเคยเปิดบริษัทชื่อ วิสด้อม ลอว์ เฟิร์ม ก่อนเปลี่ยนมาเป็นบริษัทษิทรา ลอว์ เฟิร์ม ปี 65 มีรายได้ 22 ล้านบาท แต่ตอนนี้งบยังไม่เสร็จ แต่ตนเสียภาษีทุกเดือนเยอะอยู่แล้ว เรามีผู้ตรวจบัญชี และส่งสรรพากร ทั้งนี้ผมรับเป็นที่ปรึกษาหลายบริษัท และรับว่าความด้วย ปีล่าสุดผมยื่นภาษีบุคคลธรรมดาไปกว่า 1 ล้านบาท ยังไม่รวมกับบริษัทษิทรา ลอว์ เฟิร์ม เชื่อว่านี่เป็นเหตุผลที่ทำให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ไม่รับเรื่องตนเป็นคดี และส่งเรื่องให้กรมสรรพากรตรวจสอบแทน ใครจะไปร้องอะไรตนไม่กังวล ที่ไม่ออกมาโต้เพราะรอเอกสารและคนที่เกี่ยวข้องมาชี้แจง และตนก็ไปต่างประเทศมาด้วย
นายษิทรา กล่าวต่อว่า ก่อนปี 2565 ตนไปทำคดีลุงพล ตอนนั้นไม่มีเงินเข้ามา 6 เดือน อันนี้สัตย์จริง ก็ใช้เงินเก่า นั่นเป็นเหตุผลที่มาทำบริษัท ยืนยันว่ามูลนิธิมีเงินหลักแสน แต่เอฟซีลุงพลชอบสร้างเรื่อง ไม่มีเงินอย่างที่เอฟซีลุงพลกล่าวอ้าง ไม่มีเงินหลักหมื่นเข้ามาเลย เรื่องที่สัมภาษณ์ไม่ใช่เรื่องจริง ตอนนี้เงินในมูลนิธิมีประมาณกว่า 2 แสนบาท
ทนายตั้ม กล่าวถึงการเดินทางไปฝรั่งเศสว่า จริงๆไปทำงานแต่ก็ไปเที่ยวด้วย ทั้งนี้ทนายตั้มได้เชิญ "พี่อ้อย" ลูกความที่ฝรั่งเศส เป็นเศรษฐินีคนไทยอาศัยอยู่ที่ฝรั่งเศสกับสามี เป็นคนที่บริจาคเงินซื้อวัคซีนโควิดให้คนไทยช่วงโควิดระบาดร่วม 20 ล้านบาท และตอนนี้บริจาคเงินให้กับเมืองไทยประมาณ 200 ล้านบาทแล้ว ซึ่งนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ นำคลิป พี่อ้อยไปลง พี่อ้อยคือบุคคลที่อยู่ในคลิป ตำรวจท่องเที่ยวช่วยยกกระเป๋าเดินทางที่สนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งนี้เก็บหลักฐานไว้หมดแล้วเพื่อดำเนินคดีต่อไป
"พี่อ้อย" กล่าวว่า เป็นเอฟซีเขา ติดตามเมื่อ 3 ปีที่แล้ว ก็ประสานงานกันมาเรื่อยๆ เป็นเหมือนน้องชายคนหนึ่ง รักเหมือนคนในครอบครัว โดยพี่ให้ตั้มช่วยดูโครงการต่าง ๆ 3 ปีแล้ว ที่ตั้มไปเมืองนอกพี่ก็ออกค่าใช้จ่ายต่าง ๆให้หมด เฟิร์สคลาสพี่ก็ออกให้ ส่วนคอนโดฯฝรั่งเศสที่ปรับปรุงนั้นก็เป็นของพี่อ้อยที่ซื้อด้วยเงินสด กำลังปรับปรุงเพื่อให้ลูกของตนไปเรียน สำหรับภาพเราที่ถูกดูดมาใช้โดยไม่ได้รับอนุญาตก็จะมอบให้ทนายตั้มจัดการ ทั้งนี้ประกอบอาชีพทำเค้กเป็นธุรกิจครอบครัว
นายษิทรา ยืนยันว่าไม่รู้จักสารวัตรซัว และเว็บพนันเฮงเกม ยินดีให้ตรวจสอบเส้นทางการเงินได้ ตนไม่เล่นพนัน ไม่มีเส้นทางการเงินเกี่ยวข้องกับการพนันแน่นอน ส่วนประเด็นถุงเงิน 6 ล้านบาทของนายชูวิทย์ ตนได้รับข้อมูลตามข้อเท็จจริง แต่เรื่องเงินดิจิทัล 50 ล้านบาท ตนได้เข้าพบตำรวจกองปราบเพื่อให้ข้อมูลแล้ว จากนี้ก็เป็นการสืบสวนของตำรวจ
นายษิทรา กล่าวว่า วันนี้ได้ออกมาพูดรู้สึกโล่ง แนะนำคนที่ออกมาโจมตีผมประจำเขาต้องไปหาหมอ พูดด้วยความเป็นห่วง ไม่ได้เกลียดนะ แต่เขาควรต้องไปแล้ว ผมไม่อยากพูดถึง พูดถึงก็เจ็บอีก ผมไม่สนใจเขา เพราะเรื่องที่มาโจมตีไร้สาระ ไปดูก็รู้ว่าเป็นเรื่องแต่ง ทุกอย่างผมดำเนินการตามกฎหมาย ไปพิสูจน์ก็แล้วกันผมจะไม่ฟ้องประชาชนที่มาด่ามาว่าผม แต่ผมจะฟ้องคนที่กุเรื่อง ไม่ว่าใครก็ตาม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เจ้าของเพจเฟซบุ๊ก "ออยศรีและผองเผือก" คู่ปรับ ทนายตั้ม ได้เดินทางมารอฟังการแถลงข่าวชี้แจงประเด็นสังคมจากทนายตั้มที่สำนักงาน แต่ถูกฝ่ายอาคารของตึกสำนักงานมากีดกันไม่ให้ขึ้น