โฆษก ปชป.ไม่รู้ใครคือ ส.ส.พรรคเก่าแก่เล่นไพ่ในสภาฯ ชี้ผิดถูกว่าไปตามกระบวนการ
เมื่อวันที่ 2 มี.ค. 66 ที่ จ.พังงา นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญ ได้ยื่นร้องต่อนายชวน หลีกภัย ประธานสภาผู้แทนราษฎร ให้ตรวจสอบ ส.ส.ชายรายหนึ่งของพรรคเก่าแก่ เนื่องจากมีพฤติกรรมเล่นไพ่ภายในห้องทำงานที่รัฐสภา ว่ายังไม่ทราบ เพราะตนได้ลาออกจากตำแหน่งเลขานุการประธานรัฐสภาแล้ว เมื่อวันที่ 1 มี.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามเรื่องเช่นนี้ไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับ ส.ส. หรือสมาชิกพรรคการเมืองใด หรือแม้แต่พรรคประชาธิปัตย์ ทุกคนไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมายและข้อบังคับพรรค ทุกอย่างมีกระบวนการทั้งหมด ดังนั้น หากมีการยื่นก็มีคณะทำงานที่ติดตามในเรื่องที่สมาชิกกระทำผิดต่างๆ แต่เรายังไม่ทราบว่าเป็นใคร จึงให้เป็นไปตามกระบวนการ แต่ที่ปรากฏเป็นข่าวมี 2 ประเด็น คือ 1.เรื่องจริยธรรม และ 2.คดีอาญา ซึ่งทุกอย่างมีกฎหมายบ้านเมืองระบุไว้ครบถ้วน ไม่น่ากังวล ใครผิดก็ว่าไปตามผิด ถูกก็ว่าไปตามถูก
เมื่อถามว่าเหมือนเป็นการดิสเครดิตพรรคการเมืองเก่าแก่ที่กำลังเข้าสู่การเลือกตั้งหรือไม่ นายราเมศ กล่าวว่า ถ้าประชาชนได้เห็นการดำเนินการทางการเมืองของพรรคประชาธิปัตย์ ก็จะทราบดีว่าเรายืนยันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นสมาชิกพรรค หรือผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองของพรรค ยึดมั่นตามกฎหมาย สิ่งที่ถูกต้อง และศีลธรรมอันดี
นายราเมศ รัตนเชวง โฆษกพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีนายสมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์พรรคเสรีรวมไทย และอดีตกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จะไปร้องเรียนให้ กกต. ตรวจสอบพรรคประชาธิปัตย์เรื่องการทำมิวสิกวิดีโอเพลง “เช้าวันใหม่” เพื่อใช้รณรงค์หาเสียงในการเลือกตั้ง ว่าเข้าข่ายผิดระเบียบ กกต. หรือไม่ เนื่องจากผู้ร้องเพลงนี้ คือนายเมธี อรุณ ว่าเรื่องนี้มีที่มาที่ไป เนื่องจากนายสมชัยพูดพาดพิงนายชวน กรณีที่ให้หยุดพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) แก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) ป้องกันและปราบปรามการทรมานและการทำให้บุคคลสูญหาย พ.ศ. 2565 พ.ศ. 2566 ในการประชุมสภา นัดพิเศษ เมื่อวันที่ 28 ก.พ. ที่ผ่านมา เพราะ ส.ส. เข้าชื่อกันยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย โดยเมื่อนายสมชัยกล่าวพาดพิงว่าการกระทำของนายชวนสร้างความเสื่อมเสีย แต่ตนได้ตอบโต้และชี้แจง ซึ่งน่าจะทำให้นายสมชัยโกรธ และสู้ไม่ได้ เพราะหลักกฎหมายต้องยอมรับว่า นายสมชัยหละหลวมพอสมควร จึงทำให้นายสมชัยหยิบยกเรื่องมิวสิกวิดีโอนี้มาเป็นประเด็น
อย่างไรก็ตาม แม้นายสมชัยอ้างระเบียบ กกต. ข้อที่ 18 ระบุว่าห้ามไม่ให้ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรค ที่มีวิชาชีพนักร้อง ซึ่งคือนายเมธี เอื้อประโยชน์ในการหาเสียงให้กับพรรค แต่นายสมชัยอย่าลืมว่านายเมธีไม่ได้เป็นนักร้องเหมือนปกติ เพราะเขาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ที่แสดงเจตจำนง และพรรคมีมติว่าให้นายเมธีลงสมัคร ส.ส. ฉะนั้นการทำแคมเปญประชาสัมพันธ์รูปแบบใหม่ คือการจัดทำมิวสิกวิดีโอโดยคนทุกรุ่น รวมสมาชิกเข้าด้วยกัน ตนมั่นใจว่าดำเนินการถูกต้องตามที่กฎหมายกำหนด และไม่กังวล หากจะมีใครนำไปร้องเรียน ก็พร้อมชี้แจง แต่คนที่ร้องเรียน ก็ต้องระมัดระวังเหตุผลด้วย นอกจากนี้ การหาเสียงต้องมีแคมเปญเพลงของพรรคการเมือง จึงไม่ถือเป็นการรื่นเริง เพราะไม่ได้มีประชาชนมาดูเป็นหลายพันคน แต่เป็นการดำเนินการภายในของพรรค เพื่อใช้สื่อสารในรูปแบบดิจิทัล บันทึกภาพและเสียงเพื่อให้ประชาชนเห็นผลงานของพรรค ในอนาคต