สธ.ขอบคุณภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้าหนุนปรับปรุง พ.ร.บ.คุมเหล้า

2023-03-01 01:30:37

สธ.ขอบคุณภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้าหนุนปรับปรุง พ.ร.บ.คุมเหล้า

Advertisement

รองปลัด สธ.ขอบคุณภาคีเครือข่ายองค์กรงดเหล้า หนุนปรับปรุง พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

เมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 ที่กระทรวงสาธารณสุข  (สธ.) นพ.ณรงค์ อภิกุลวณิช รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข พร้อมด้วย นพ.ขจรศักดิ์ แก้วจำรัส รองอธิบดีกรมควบคุมโรค และ นพ.นิพนธ์ ชินานนท์เวช ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กรมควบคุมโรค ได้รับมอบหมายจาก นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข เป็นผู้แทนรับหนังสือขอบคุณ นายอนุทิน ชาญวีรกุล  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข และกระทรวงสาธารณสุข ในการบังคับใช้ พ.ร.บ. ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพื่อลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุ้มครองสุขภาพประชาชน และลดนักดื่มหน้าใหม่ จากตัวแทนเครือข่ายองค์กรงดเหล้า เครือข่ายเยาวชนลดปัจจัยเสี่ยง และภาคีเครือข่ายป้องกันและลดผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมกว่า 30 คน

นพ.ณรงค์กล่าวว่า นายอนุทินมีนโยบายสนับสนุนการควบคุมกำกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยมี พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 เป็นกลไกที่ใช้ขับเคลื่อนการดำเนินงาน และมีภาคีเครือข่ายทั้งภาครัฐและภาคประชาชนร่วมกันรณรงค์ประชาสัมพันธ์ให้ลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อาทิ ปรับสโสแกนจาก “เมาไม่ขับ” เป็น ดื่มไม่ขับ ขับไม่ดื่ม” โดยมีเป้าหมายที่จะลดผลกระทบจากการดื่มสุรา ทั้งการเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนน การเกิดโรคที่มาจากการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น ตับแข็ง รวมถึงลดพฤติกรรมความรุนแรงที่อาจเกิดขึ้นในสังคม ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขจะสร้างความเข้มแข็งในการควบคุมกำกับการบริโรคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในระดับจังหวัด โดยให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัดทำงานร่วมกับเครือข่ายต่างๆ อย่างเข้มข้นมากขึ้น ต้องขอขอบคุณภาคีเครือข่ายทุกภาคส่วนที่ให้ความร่วมมือกับกระทรวงสาธารณสุขรณรงค์สร้างความเข้าใจแก่ประชาชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นเยาวชน ทำให้กว่า 15 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 2551-2564 ประเทศไทยสามารถลดจำนวนนักดื่มลงได้ถึง 2.3 ล้านคน (ข้อมูลจากสำนักงานสถิติแห่งชาติ ปี 2564) และในวันนี้ ยังมีข้อเสนอแนะในการปรับปรุง พ.ร.บ.ควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ พ.ศ. 2551 มาตรา 32 คือ ห้ามใช้ตราสัญลักษณ์เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในการโฆษณาสินค้าอื่นๆ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขปรับปรุงให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับหลักวิธีปฏิบัติในมาตรา 32 โดยจะมีการเพิ่มเติมสาระสำคัญ และทบทวนอนเสนอต่อ ครม.พิจารณาตามกระบวนการต่อไป