"จุรินทร์"ดันเปิด FTA "ไทย-ยูเออี" ผ่าน ครม. มั่นใจสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับการค้า การลงทุน การส่งออก
เมื่อวันที่ 28 ก.พ.66 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงผลการประชุม ครม. เรื่องความสำเร็จการเดินหน้าเริ่มต้น FTA ระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์(ยูเออี) ว่า วันนี้ที่ประชุม ครม. ให้ความเห็นชอบการทำ FTA ระหว่างไทยกับยูเออี หรือสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ เกิดจากการที่ตนนำคณะกระทรวงพาณิชย์ ภาคเอกชน ไปเจรจากับรัฐบาลยูเออี เมื่อวันที่ 6-8 ก.พ.ที่ผ่านมา ถือเป็นโอกาสสำคัญอย่างยิ่งและตั้งใจจะทำให้เร็วที่สุด จึงนำเรื่องเข้า ครม.วันนี้ ที่ประชุมให้ความเห็นชอบแล้ว จากนี้มอบหมายให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศเร่งประสานงานกับยูเออี กำหนดวันประกาศร่วมกันอย่างเป็นทางการ นับหนึ่งการเปิดเจรจา ถือว่าเป็น FTA ที่เร็วที่สุดในโลกตั้งแต่ประเทศไทยทำมาฉบับหนึ่ง จะสร้างประโยชน์มหาศาลให้กับการค้าการลงทุนและการส่งออกของไทย
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์เป็นประเทศที่มีมูลค่าการค้ากับไทยเป็นลำดับหนึ่งในกลุ่มประเทศตะวันออกกลาง โดยปี 2565 มีมูลค่าการค้าระหว่างกัน 1.3 ล้านล้านบาท เฉพาะ UAE มีมูลค่า 700,000 ล้านบาท จึงมีความสำคัญมาก การส่งสินค้าขายต่อไปภาษีจะเป็นศูนย์มีผลให้ UAE เป็นประตูการค้าของไทยสู่ตะวันออกกลาง ซึ่ง UAE เป็นสมาชิกกลุ่มประเทศความร่วมมือแห่งอ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council: GCC) ที่ประกอบด้วย ประเทศกาตาร์ บาห์เรน ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) โอมาน และคูเวต จะได้รับการอำนวยความสะดวกต่างๆด้วย ประเทศไทยได้ประโยชน์มหาศาลจากการทำ FTA ครั้งนี้และเมื่อประกาศนับหนึ่งการเจรจาอย่างเป็นทางการแล้ว ตนขอให้กระทรวงพาณิชย์ กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เร่งจัดทำให้เร็วที่สุดให้มีผลบังคับใช้เร็วที่สุดยิ่งเร็วเท่าไหร่ประเทศไทยก็ยิ่งได้ประโยชน์เร็วขึ้น ตัวเลขการส่งออกสร้างเงินให้ประเทศจะมากขึ้น สินค้าสำคัญที่ไทยส่งออกไป UAE เช่นรถยนต์ ชิ้นส่วนยานยนต์ เครื่องปรับอากาศ อัญมณี เครื่องประดับ สมาร์ทโฟน ไฟเบอร์บอร์ด ยางนอกรถจักรยานยนต์ ปลาทูน่ากระป๋องและข้าว เป็นต้น ส่วนไทยนำเข้าน้ำมันดิบ ปิโตรเลียม แก๊สธรรมชาติ อะลูมิเนียม ทองคำและเม็ดพลาสติก เป็นต้น