จากความเชื่อคร่ำคร่า นำพา"เสือดำ"สู่ความตาย

2018-02-06 18:05:19

จากความเชื่อคร่ำคร่า นำพา"เสือดำ"สู่ความตาย

Advertisement

ความเชื่อโบราณแต่กาลก่อนนั้นมีอยู่หลากหลาย ทั้งเรื่องการปลูกต้นไม้มงคล การทานอาหารมงคล การปลูกบ้านอย่างไรให้คนที่พักอาศัยเจริญรุ่งเรือง ไปจนถึงเครื่องรางของขลังที่ต่างคนต่างสรรหามาเพื่อครอบครองเป็นเจ้าของและอีกมากมายความเชื่อที่ผู้คนเลือกจะเชื่อและถือว่าเป็นเรื่องสำคัญของการดำเนินชีวิต ซึ่งมีคนบางกลุ่มที่ฝังใจในหัวว่า เมื่อเขาอยากมีอำนาจ มีบารมี การทำให้เหล่าบริวารยำเกรงและเกรงกลัว จะต้องมีของขลังบางอย่างอยู่ในความครอบครอง ดังคำโบราณที่พูดต่อๆ กันมาว่า "ถ้าจะดุ ต้องดุให้เหมือนเสือ ถึงอยู่ในกรงคนยังกลัว" จากความเชื่อนำพาไปสู่ความตายของสัตว์ป่าตาดำๆ ที่ต้องถูกล่าเพื่อการนี้โดยเฉพาะ โดยที่ไม่ได้มีส่วนได้เสียอะไรในความงมงายนั้นเลย



วันนี้ทีมข่าวนิว 18 ขอเผยถึงความเชื่อที่ผูกพ่วงไปด้วยการ "ล่า" "เสือดำ" ที่พวกเขาเหล่านั้นต้องการจะเอาเพียงแค่อวัยวะบางส่วนของพวกมัน ...ความโหดร้ายที่แฝงมากับความเชื่อนั้นมีอะไรบ้างไปตามอ่านกัน






1. หนังหน้าผากเสือ นำไปลงยันต์ม้วนทำตะกรุด


โดยจุดประสงค์ของตะกรุดหนังหน้าผากเสือ คือ ความมีอำนาจ ทั้งนี้ ความเชื่อเรื่องเสือจะมีอยู่ 3 อย่าง ดังนี้ 1.เป็นเจ้าแห่งป่า นำมาซึ่งมหาอำนาจ แค่เพียงกลิ่นสาบเสือโชยไปเมื่อสัตว์อื่นได้กลิ่นเป็นต้องผวาหวาดกลัว 2.ถึงแม้เสือจะเป็นสัตว์ดุร้ายและน่าเกรงกลัวแต่คนก็อยากพบเจอ ซึ่งเป็นคุณทางด้านเมตตามหานิยม และ 3.การหากินคล่องไม่มีฝืดเคืองเรื่องอาหาร คือด้านการงานทำมาหากิน



คณาจารย์โบราณนิยมนำส่วนต่างๆ ของเสือที่ตายธรรมชาติถือเป็นของความขลังคงทน ไม่มีสิ่งใดลบล้างอำนาจได้ ยิ่งได้เกจิอาจารย์ที่มีอาคม สมาธิแก่กล้าลงอักขระคาถาบนหนังเสือ ปลุกเสกตามตำรา จะมีอานุภาพครอบจักรวาลมีอำนาจต่อผู้พบเห็น แคล้วคลาดปลอดภัย มีโชคลาภ เมตตามหานิยม มหาเสน่ห์ในตัว ดังพญาเสือ





2. เขี้ยวเสือกลวง (เขี้ยวเสื้อโปร่งฟ้า)
เสือเป็นเจ้าป่า ขึ้นชื่อในเรื่องเดชะ ตบะ พละ มีอำนาจความกล้าหาญเป็นที่หนึ่ง เหล่าผู้เล่นของ เชื่อมั่นในเขี้ยวเสือ ว่า ถ้านำไปปลุกเสกแล้วแขวนห้อยคอจะเป็นของขลังเด่นทางด้านคงกระพันชาตรี มนุษย์แลภูตผีสยบเกรงบารมี



โดยปกติเขี้ยวเสือด้านในจะตัน แต่เขี้ยวเสือที่มีความพิเศษคือ ด้านในกลวงตั้งแต่รากฟันไปจนเกือบถึงปลายเขี้ยว ถือเป็นของหายาก ได้รับการกล่าวขวัญคู่กันกับเขี้ยวตันของหมูป่าว่า เขี้ยวหมูตัน-เขี้ยวเสือกลวง หรือบางท่านก็เรียกว่า เขี้ยวเสือโปร่ง ส่วนเขี้ยวหมูป่านั้นปกติด้านในจะมีรูกลวงตั้งแต่รากฟันขึ้นไปอย่างน้อยครึ่งเขี้ยวหรือเกือบถึงปลายเขี้ยว หากเขี้ยวซี่นั้นด้านในตัน ก็ถือเป็นของหายาก



ทั้งเขี้ยวหมูตันและเขี้ยวเสือกลวงนั้นมีฤทธิ์อำนาจยิ่งนัก สัตว์นั้นย่อมฆ่าไม่ตาย ยิงไม่ออก แทงไม่เข้า แต่หากถึงวันตายตามธรรมชาติ สัตว์นั้นก็ย่อมถูกสังหารผลาญชีวิตได้ และผู้ได้เขี้ยวนั้นมาครอบครองต้องพึงตระหนักว่าในวันตรงกับวันที่สัตว์นั้นตาย (จันทร์, อังคาร, พุธ ฯลฯ) เขี้ยวนั้นก็จะไม่ขลังในวันนั้นเช่นกัน

หรือหากเป็นผู้มีบุญวาสนาต้องพบกัน ก็อาจพบซากเสือที่มีเขี้ยวกลวงและเก็บเอาเขี้ยวเสือกลวงนั้นมาได้ ซึ่งในกรณีเช่นนี้ถือว่าเป็นของคู่บุญ ไม่ต้องเกรงอาถรรพณ์หรือบาปกรรมใดๆ






3. หนวดเสือ
หนวดเสือนิยมพกไว้ให้เป็นที่เกรงขาม นำไปปรุงเป็นยาสั่งยาพิษได้ แม้กระทั่งรูปลักษณ์ของเสือก็นิยมนำไปเขียนเป็นแผ่นยันต์หรือสักลงบนผิวหนัง ที่โด่งดังเป็นตำนานก็เช่น ยันต์เสือเผ่น



4. หนังเสือ 
หนังเสือ!! ไม่ต้องปลุกเสกฤทธิ์เดชเหลือคณา เครื่องรางของขลัง ถือกำเนิดจากความเชื่อและอยู่คู่คนไทยมาช้านาน จากคำบอกเล่ารุ่นสู่รุ่น คนโบราณเชื่อกันว่า เสือเป็นสัตว์ที่มีพลังกำลังมาก ตบะเก่งกล้า มีฤทธิ์เดชมาก สามารถปราบผีหรือสิ่งเลวร้ายของชีวิตได้ และยังมีความสง่างาม

จึงเชื่อกันว่า ผู้ได้ครอบครองวัตถุมงคลที่ทำจากส่วนต่างๆ ของเสือ เช่น ตะกรุดหนังเสือ ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ นั้นจะได้รับการป้องกันภัยอันตรายต่างๆ มีเสน่ห์ในด้านเมตตามหานิยม ดูน่าเกรงขาม เป็นที่รักของผู้ที่ได้พบเจอ ทำให้ผู้นั้นได้รับช่วยเหลือเกื้อกูล มีโอกาสดีๆ เข้ามามากขึ้น



การฆ่าสัตว์เพื่อเอาเนื้อมาทำอาหาร คือหนึ่งในปัจจัย 4 เป็นสิ่งที่อาจยอมรับได้ เพราะทำเพื่อความอยู่รอดของชีวิต แต่การฆ่า (ล่า) เพื่อความสนุกสนาน เป็นการกีฬา หรือเพื่อจุดประสงค์แห่งความเชื่อที่ไม่อาจทราบได้ว่า สิ่งนั้นมันมีอยู่จริงหรือไม่ นำมาซึ่งหายนะแห่งความตายที่สัตว์ป่าทั้งหลายกลายเป็นเหยื่อ ความเชื่อเก่าๆ เหล่านั้นปัจจุบันก็ยังคงฝังรากลึกอยู่ในเฉพาะคนบางกลุ่ม ซึ่งหากตระหนักถึงความสูญเสียแล้ว ท่านผู้อ่านลองชั่งน้ำหนักดูว่า มันคุ้มหรือไม่อย่างไร