"สมคิด"ขอนายกฯหยุดโฟกัสเลือกตั้ง ใช้เวลาที่เหลือทำเพื่อประเทศ

2022-12-11 14:04:58

"สมคิด"ขอนายกฯหยุดโฟกัสเลือกตั้ง ใช้เวลาที่เหลือทำเพื่อประเทศ

Advertisement

"สมคิด"ขอนายกฯ หยุดโฟกัสเลือกตั้ง ใช้เวลาที่เหลือทำเพื่อประเทศ  ปชช. ให้ดีที่สุด ส่งกำลังใจทุกพรรคการเมืองทำประชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง 

เมื่อวันที่ 10 ธ.ค.65 ที่สมาคมธรรมศาสตร์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคสร้างอนาคตไทย ในฐานะศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ปาฐกถาเรื่อง “โลกเปลี่ยน สถานการณ์เปลี่ยน ประเทศไทยจะเปลี่ยนไหม”ในงาน “วันธรรมศาสตร์ 10 ธันวาคม 2565 งานคืนสู่เหย้า”

ดร.สมคิด กล่าวตอนหนึ่งว่า เศรษฐกิจปีหน้ามีสัญญาณแนวโน้มการเติบโต แต่ไม่ใช่แบบก้าวกระโดด เป็นการเติบโตอย่างช้า ๆ เนื่องจากปัจจัยภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก จากปัญหาสถานการณ์สงครามรัสเซีย ยูเครน วิกฤตราคาพลังงานแพง สินค้าแพง ซึ่งท่ามกลางสถานการณ์ดังกล่าวกลับมีบางประเทศที่ระบบเศรษฐกิจจะสวนทาง คือประเทศอินโดนีเซีย และเวียดนาม เนื่องจากทั้ง 2 ประเทศ มีการเตรียมตัวที่ดี เช่น อินโดนีเซีย ที่ประสบความสำเร็จจากการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น โดยออกกฎหมายแยกความรับผิดชอบ และอำนาจของส่วนกลางและท้องถิ่นออกจากกัน เกิดการแข่งขันการสร้างจีดีพีระหว่างท้องถิ่น ทำให้จีดีพีประเทศอินโดนีเซียโตอย่างมีเสถียรภาพเฉลี่ย 7 เปอร์เซ็นต์มาหลายปี ส่งผลให้อินโดนีเซียกลายเป็นดาวจรัสแสงในขณะนี้ ซึ่งเกิดจากวิสัยทัศน์ และการเอาจริงเอาจังของผู้นำประเทศ ขณะที่ประเทศไทยก็เริ่มทำพร้อม ๆ กับอินโดนีเซีย แต่หยุดอยู่แค่ในรัฐธรรมนูญไม่ใช่การปฏิบัติ


ดร.สมคิด กล่าวต่อว่า ขณะที่เวียดนาม ก็เป็นประเทศที่น่าจับตา ก่อนหน้านี้ 3 ปี ตนเคยบอกว่าเวียดนามกำลังหายใจรดต้นคอประเทศไทย แต่มาวันนี้เวียดนามแซงหน้าไปแล้ว มีการเตรียมพร้อมเรื่องเศรษฐกิจดิจิทัล มีการปฏิรูปการศึกษา โดยมีการเปลี่ยนแปลงเนื้อหาการศึกษาให้สอดรับกับความเปลี่ยนแปลงของโลกอนาคต ซึ่งการเตรียมพร้อมของเวียดนามก็ทันในช่วงยุคเศรษฐกิจดิจิทัล และได้อานิสงค์จากธุรกิจด้านไอทีที่ย้ายฐานการผลิตจากจีนเข้าสู่เวียดนาม ซึ่งนอกเหนือจากนี้ สิ่งที่ทำให้ทั้ง 2 ประเทศ เป็นดาวจรัสแสงของอาเซียนก็คือการเปลี่ยนแปลงด้านกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการเติบโตของระบบเศรษฐกิจนับร้อยฉบับ และการออกใบอนุญาตให้ง่ายต่อการลงทุนทำธุรกิจและเอื้อต่อการเจริญเติบโตของประเทศอีกด้วย

 ดร.สมคิด มองว่า อาเซียนยังเป็นภูมิภาคที่สำคัญ ท่ามกลางการแข่งขันระหว่างจีนกับอเมริกา โดยจะกลายเป็นโอกาสสูงสุดของอาเซียนในการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งขณะนี้ โอกาสสำคัญอยู่ที่ 2 ประเทศ คืออินโดนีเซีย และเวียดนาม ขณะเดียวกัน ประเทศกัมพูชาก็เป็นอีกหนึ่งประเทศที่น่าจับตากับโอกาสตรงนี้ วันนี้หากประเทศไทยยังแข่งกับเขาไม่ได้ก็จะสูญเสียความจรัสแสงในอาเซียน การลงทุนต่าง ๆ จะน้อยลง อย่างไรก็ตาม ตนมองว่าประเทศไทยยังมีโอกาส ซึ่งหัวใจสำคัญที่จะทำให้ประเทศไทยมีโอกาสคือต้องกระจายอำนาจ กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แค่กระทรวง และส่วนกลาง ต้องสร้างผู้นำใหม่ ๆ ในท้องถิ่น หากไม่จริงจังกับการปฏิรูปนี้ก็ยากที่จะเห็นโอกาส และความเปลี่ยนแปลง

“ผมไม่อยากให้เราคิดแต่เรื่องการจะเลือกตั้ง เพราะกว่าจะเลือกตั้งประเทศไทยจะเสียโอกาส และเสียเวลาจนสายเกินไป การเลือกตั้งยังไม่ใช่ประชาธิปไตย เพราะเลือกมาแล้วก็ยังเป็นเหมือนเดิม พรรคร่วมรัฐบาลเหมือนเดิมหรืออาจจะแย่กว่าเดิม รัฐมนตรีเหมือนเดิมหรืออาจจะดีกว่าเดิม ซึ่งวันนี้ผมอยากให้นายกรัฐมนตรีจริงจัง ใช้เวลาที่มีทำให้ดีที่สุด เพราะประเทศไทยเสียเวลาไปมากแล้ว ให้ลืมเรื่องเลือกตั้งไปก่อน อย่างไรก็ตาม วันนี้ผมไม่ได้มาว่าใคร ไม่มีประเด็นการเมือง ขอให้กำลังใจทุกพรรคการเมืองให้ทำประชาธิปไตยให้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง” ดร.สมคิด กล่าว