"อนุทิน" เบรก รมว.ท่องเที่ยวฯเปิดผับถึงตี 4 ได้ไม่คุ้มเสีย ลั่นไม่เกิดแน่ในรัฐบาลนี้ จ่อคุยสัปดาห์หน้า
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.65 ที่กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรมว.สาธารณสุข หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) กล่าวถึงกรณีมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าคนในพรรคภูมิใจไทยไม่คุยกัน หลังจากที่นายนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.ท่องเที่ยวและกีฬา รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเสนอให้เปิดผับ บาร์ถึงตี 4 ขณะที่นายอนุทิน และกระทรวงสาธารณสุข ไม่เห็นด้วยว่า เรื่องนี้เราไม่ได้คุยคุยกัน แต่ก็ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกันในพรรค ที่ไม่ได้คุยเพราะไม่ใช่นโยบายของพรรคภูมิใจไทย แต่เป็นภารงานของรัฐมนตรีแต่ละกระทรวง ซึ่งรมว.ท่องเที่ยวฯ ก็มองในมิติว่าจะทำอย่างไรให้เป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว ส่วน รมว.สาธารณสุข ก็มองในมิติสุขภาพ ดูแลพฤติกรรมการบริโภคแอลกอฮอล์ อุบัติเหตุ ผลกระทบจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และปัจจัยเสี่ยงทางสุขภาพต่างๆ ซึ่งเห็นว่าช่วงเวลาที่อนุญาตให้เปิดสถานบริการผับ บาร์ในตอนนี้เป็นเวลาที่เหมาะสมแล้ว แต่จริงๆ หลังตี 2 ถือว่าดึกไปด้วยซ้ำ เพราะคนทำงาน 8 โมง เท่ากับว่าจะมีเวลาพักผ่อนไม่เพียงพอ ก็ส่งผลกระทบต่อการทำงานอีก
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า สิ่งที่ตนได้คุยกับนายพิพัฒน์ ในเรื่องงานของพรรคภูมิใจไทยก็จะเป็นเรื่องการเมือง ต้องการการสนับสนุนอะไรจากหัวหน้าพรรคภท. หรือจะให้ลงพื้นที่ปราศรัยเมื่อไหร่ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของข้อเสนอเปิดผับบาร์ตี 4 นั้นตนจะมีการหารือกับนายพิพัฒน์ในสัปดาห์หน้า ถ้าท่านมาหารือในนามพรรค ต้องอธิบายให้ฟังว่าทำเพื่ออะไร ถ้าบอกว่าเพื่อคะแนนเสียง อันนี้คงไม่ได้ เพราะต้องดูถึงสวัสดิภาพของประชาชน พรรคการเมืองจะมุ่งมั่นเอาแต่คะแนน โดยไม่คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนไม่ได้ อะไรก็ตามที่มันเกิดความเสี่ยงที่จะเกิดโทษกับประชาชน แม้แต่ 1% ก็อย่าทำ เรื่องนี้ไม่สามารถแยกเปิดเป็นแซนบ็อกซ์ได้ เพราะถ้าเปิดพื้นที่หนึ่งแล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าคนพื้นที่อื่นไม่เดือดร้อน หรือยิ่งเปิดแซนด์บ็อกซ์คนก็จะยิ่งแห่ไปเที่ยวตรงนั้น จะเพิ่มความเสี่ยงติดโควิด เสี่ยงทะเลาะวิวาท
เมื่อถามว่าได้พูดคุยกับ รมว.ท่องเที่ยวฯ หรือไม่ว่ามูลค่าที่ได้จากการท่องเที่ยวสถานบันเทิงผับบาร์ เทียบกับผลกระทบที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า แค่เสียไป 1 ชีวิต ได้มากี่ล้านก็ไม่คุ้ม โดยเฉพาะชีวิตคนบริสุทธิ์ที่ต้องใช้รถใช้ถนนด้วยในขณะที่คนหนึ่งเวลาตี 4 กำลังกลับบ้านด้วยความมึนเมา กับอีกคนหนึ่งเวลาตี 4 ตื่นขึ้นมาเพื่อเตรียมตลาด เตรียมวางแผงสินค้า เตรียมส่งลูกไปโรงเรียน แล้วถ้า 2 ฝั่งนี้มาบรรจบกัน มันจะบอกเรื่องความคุ้มไม่ได้เลย ทุกวันนี้คนส่วนใหญ่ตื่นเวลาตี 4 โดยเฉพาะมนุษย์เงินเดือน แม้กระทั้งเมืองท่องเที่ยวตี ดังนั้นดูแล้วน่าจะใช้วิธีเดิมไปก่อน
เมื่อถามย้ำว่าในรัฐบาลชุดนี้ข้อเสนอในการเปิดผับตี 4 ไม่สามารถเกิดขึ้นแน่นอนใช้หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าต้องผ่านรองนายกรัฐมนตรี ซึ่งตามปกติ หากข้อเสนอของ 2 ฝั่งไม่ตรงกันก็ต้องผ่านรองนายกฯ ที่ดูแลเรื่องนั้นอยู่แล้ว ซึ่งก็คือตน.