"พิธา"ลุยขอนแก่นชูเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย 3 พัน

2022-12-04 14:15:56

"พิธา"ลุยขอนแก่นชูเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย 3 พัน

Advertisement

"พิธา"นำทีม "ก้าวไกล"ลุยขอนแก่น ชูนโยบายเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงวัย 3,000 บาทต่อเดือน ลั่นปลดล็อกท้องถิ่น กระจายอำนาจ

เมื่อวันที่ 4 ธ.ค. 65 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อช่วงค่ำวันที่ 3 ธ.ค.65  ที่ผ่านมา ที่ลานสนามฟุตซอลบ้านเป็ด อ.เมือง จ.ขอนแก่น  นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคก้าวไกล พร้อมทั้งนายอภิชาติ ศิริสุนทร กรรมการบริหารพรรคก้าวไกล สัดส่วนภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ร่วมเวทีแนะนำตัวนายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 โดยบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีประชาชนเข้าร่วมรับฟังจำนวนมาก

นายพิธา ได้ปราศรัยถึงชุดนโยบาย สวัสดิการไทยก้าวหน้า ที่พรรคก้าวไกลเสนอเพิ่มเงินผู้สูงวัยเป็น 3,000 บาทต่อเดือน เป็นอัตราเดียวแบบถ้วนหน้า ซึ่งไม่เพียงช่วยให้ผู้สูงอายุมีรายได้เพียงพอต่อการดำรงชีพ แต่ยังช่วยประชากรวัยทำงานด้วย ตนเองเข้าใจเรื่องนี้ดี เพราะเป็นคนหนึ่งในวัยทำงานที่มีทั้งลูกที่ต้องดูแล มีพ่อแม่ที่ต้องเป็นห่วง มั่นใจว่าการเพิ่มเงินผู้สูงวัยจะช่วยแบ่งเบาภาระของประชากรวัยทำงาน ให้ไม่ต้องห่วงหน้าพะวงหลัง 

นายพิธา กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ พรรคก้าวไกลยังเสนอการปลดล็อกท้องถิ่น กระจายอำนาจให้แต่ละท้องถิ่นมีอำนาจเต็มที่ในการจัดทำบริการสาธารณะและมีงบประมาณเพียงพอในการพัฒนาท้องถิ่นตัวเอง จะช่วยให้คนหนุ่มสาวมีงานทำที่ดีในท้องถิ่น ไม่จำเป็นต้องเดินทางไปทำงานในเมืองใหญ่หรือ กทม. เพียงอย่างเดียว  ที่สำคัญ นี่คือการต่อสู้ว่าเราจะเอาอำนาจเลือกตั้งหรืออำนาจลากตั้ง อำนาจเลือกตั้ง ทำไม่ดีก็ด่ามันได้ เอามันออกได้ เลือกตั้งใหม่ได้ทุก 4 ปี แต่สำหรับอำนาจลากตั้ง น้ำประปาที่บ้านท่าน ฟุตปาธตามบ้านท่าน การบริหารจัดการของบ้านท่าน ทำไมต้องให้คนอื่นมาตัดสินใจแทน กลายเป็นว่าคนทำไม่รู้ คนรู้ไม่ได้ทำ

ขณะที่นายอภิชาติ กล่าวว่า พรรคก้าวไกลหมายมั่นปั้นมือส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งในพื้นที่จ.ขอนแก่นทั้ง 11 เขต โดยมีเป้าหมายจะปักธงส้มทั้งจังหวัด รักษาพื้นที่เขตเดิมและรุกเพิ่มเขตใหม่ โดยที่สำคัญที่สุดคือการเชือดงูเห่า ล้างฟาร์มงูเห่าให้หมดสิ้นไปจากขอนแก่นให้จงได้ 

ด้านนายวีรนันท์ ฮวดศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 1 พรรคก้าวไกล กล่าวว่า ประวัติการทำงานของตนเอง เป็นทนายความสิทธิมนุษยชน ช่วยเหลือประชาชนที่ถูกดำเนินคดีจากการแสดงออกทางการเมือง แต่ทั้งหมดนี้คือการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ วันนี้ตนจึงตัดสินใจมาลงสมัครรับเลือกตั้งเป็น ส.ส. เพื่อจะเข้าไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ แก้กฎหมายที่ไม่เป็นธรรม ให้พี่น้องได้ลืมตาอ้าปากได้เสียที