ชัยภูมิอ่วม น้ำท่วมตัวเมืองหนักสุดในรอบ 10 ปี ถนน บ้านเรือน สถานที่ราชกาจ จมน้ำ ผู้ว่าฯตั้งศูนย์แพทย์ฉุกเฉินในจวน ล่าสุดท่วมแล้ว 8 อำเภอ กว่า 100 หมู่บ้าน ปชช.เดือดร้อน 10,000 ครัวเรือนประชากร 1.6 แสนคน มูลค่าเสียหายร่วม 50 ล้าน
เมื่อวันที่ 2 ต.ค.65) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์น้ำท่วมในตัวเมืองชัยภูมิ ทั้ง 25 ชุมนุมของเทศบาลเมืองชัยภูมิ ถูกกระแสนน้ำป่าจากเทือกเขาภูแลนคาทะลักท่วมตัวเมืองในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมิบางจุดลึกถึง 1-2 เมตร โดยถนนเกือบทุกสาย รวมทั้งสถานที่ราชการ ศาลากลางจังหวัด รพ.ชัยภูมิ สถานีตำรวจภูธรเมืองชัยภูมิ โรงเรียน ตลาดสด อาคารร้านค้า ธนาคาร วัด และบ้านเรือนประชาชน ถูกน้ำทะลักท่วมตั้งแต่กลางดึกของคืนที่ผ่านมาต่อเนื่องเป็นวันที่ 4 หลังจากน้ำในแม่น้ำชีเอ่อสูง และปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำลำปะทาว อ่างเก็บน้ำห้วยยางบ่า ล้นทางระบายฉุกเฉินไหลบ่าเข้าท่วมตัวเมืองชัยภูมิอย่างหนัก โดยเฉพาะถนนหน้าวัดชัยประสิทธ์หน้าสถานีขนส่งชัยภูมิมีกระแสน้ำไหลเชี่ยวแรง
สำหรับ รพ.ชัยภูมิ นั้น ระดับน้ำยังท่วมสูงร่วม 1 เมตร ทางจังหวัด ต้องเปิดสำนักงานเหล่ากาชาดจังหวัด ภายในบริเวณจวนผู้ว่าราชการจังหวัดชัยภูมิ เป็นศูนย์แพทย์ฉุกเฉินชั่วคราว เพื่อรองรับผู้ป่วยฉุกเฉินที่ไม่สามารถเดินทางเข้าตรวจรักษาในโรงพยาบาลชัยภูมิ ได้ เนื่องจากน้ำท่วมสูงรถยนต์เล็กวิ่งผ่านไปมาไม่ได้ ทางเทศบาลเมืองชัยภูมิต้องใช้เรือท้องแบน มาคอยรับบริการขนส่งคนไข้ แพทย์ พยาบาล เข้า-ออกโรงพยาบาล และเร่งก่อสร้างสะพานไม้ชั่วคราว เพื่ออำนวยความสะดวก และบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น
ล่าสุดนายโสภณ สุวรรณรัตน์ ผวจ.ชัยภูมิ คนใหม่ เปิดเผยว่า สถานการณ์น้ำท่วมในจ.ชัยภูมิ ขณะนี้พื้นที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมมากที่สุด คือบำเหน็จณรงค์ อ.จัตุรัสและหนักสุดที่ อ.เมืองชัยภูมิ โดยเฉพาะในเขตเทศบาลเมืองชัยภูมินั้น ถูกน้ำท่วมทั้ง 25 ชุมชน ชาวบ้านกว่า 700 ครัวเรือน ราษฎรกว่า 20,000 คน เดือดร้อนหนัก ซึ่งถือว่าเป็นเหตุการณ์น้ำท่วมรุนแรงที่สุดในรอบ 10 ปี
ส่วนสถานการณ์โดยรวมล่าสุด จ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ถูกน้ำท่วมแล้วทั้งหมด 8 อำเภอ 20 ตำบล กว่า 100 หมู่บ้าน 20,000 ครัวเรือน ราษฎรเดือดร้อนกว่า 165,757 คน ถนนขาด 4 สาย พื้นที่การเกษตรนาข้าวเสียหาย 38,838 ไร่ บ่อปลา 39 บ่อ รวมมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นแล้วกว่า 49.7 ล้านบาท ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกพื้นที่อำเภอเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดและให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที และทั่วถึง โดยเฉพาะในจุดที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนหนัก ไม่สามารถเดินทางออกมารับความช่วยเหลือได้
