ย้อนรอยคดีสยอง ก่อนมาเป็นละครเวทีสุดหลอน"วิปลาส"

2018-01-18 17:30:55

ย้อนรอยคดีสยอง ก่อนมาเป็นละครเวทีสุดหลอน"วิปลาส"

Advertisement

สภาพจิตใจของคนในสังคมไทย ณ ปัจจุบันนี้ ช่างอ่อนไหวและไร้สิ่งยึดเหนี่ยวที่จะคอยชักจูงไปในทางที่ถูกที่ควร เรื่องราวสะเทือนใจมากมายจึงเกิดขึ้นตลอดเวลา โดยที่เราไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลยว่า บางที เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น คนใกล้ตัวเรานั่นแหละที่เป็นคนลงมือ...



ขณะนี้มีเรื่องๆ หนึ่งกำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมาก กับ แฮชแท็ก #วิปลาส ทั่วทวิตเตอร์ พูดถึงสิ่งที่เหล่านักศึกษา คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ได้พบเจอ ระหว่างเตรียมทำละครเวทีที่มีชื่อว่า "วิปลาส" โดยละครเวทีประจำปีเรื่องนี้ มีบทละครที่อ้างอิงจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริงและเป็นข่าวดังสะเทือนหัวใจ เมื่อ 14 ปีก่อน




วันนี้พวกเราชาว นิว 18 จะย้อนคดีสุดสยองที่ผู้เป็นแม่ และญาติๆ ได้กระทำต่อเด็กสาวตัวน้อยซึ่งไร้ทางต่อต้านแม้แต่จะคิด สิ่งใดทำให้เธอต้องฆ่าลูกของตัวเอง !?? ด้วยวิธีการที่แสนเลือดเย็นเกินที่มนุษย์ศิวิไลซ์ยุคสมัยนี้กระทำต่อกัน ...จากวันนั้นถึงวันนี้เกือบ 14 ปีเต็ม ... แต่ทำความทรงจำอันแสนหดหู่ยังคงดำเนินต่อไป





ณ บ้านไม้สองชั้นหลังหนึ่ง ใน จ.ราชบุรี ซึ่งเป็นสถานที่เกิดเหตุเขย่าขวัญและได้กลายเป็นตำนานสุดหลอนแห่งความเชื่อผิดๆ ช่วงบ่ายวันที่ 4 ตุลาคม 2547 ตำรวจ สภ.ดำเนินสะดวก ได้รับแจ้งเหตุฆาตกรรม จึงเดินทางมาตรวจสอบที่เกิดเหตุและต้องพบกับภาพสยองชวนตะลึง เมื่อพบร่างไร้ซึ่งวิญญาณของ ด.ญ.ประภัสสร เจียมเจริญ อายุ 12 ขวบ เสียชีวิตสภาพอนาจอยู่กลางบ้านกลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มบริเวณ โดยลำคอถูกคมมีดปาดจนหลอดลมขาดสะบั้น เสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง รอบข้างมีโต๊ะพิธีกรรมไสยศาสตร์ มีเส้นผมแช่น้ำอยู่ในกะละมัง ที่นอนถูกเผาอยู่ข้างบ้าน และมีดโต้เปื้อนเลือดตกอยู่ใกล้ๆ ศพ



บริเวณชั้นบนเจ้าหน้าที่ฯ ได้ยินเสียงพูดคุยและเสียงสวดมนต์ภาษาบาลีเล็ดลอดมาจากห้องนอนห้องหนึ่ง เจ้าหน้าที่ฯ พยายามเรียกให้คนข้างในเปิดประตู แต่ไม่เป็นผลจึงตัดสินใจพังประตูเข้าไปพบผู้หญิง 4 คนกำลังสวดบริกรรมคาถาด้วยถ้อยคำไม่ได้ศัพท์ ประกอบด้วย นางกาญจนา เจียมเจริญ อายุ 50 ปี นางบัว เจียมเจริญ อายุ 68 ปี นางอนงค์ เจียมเจริญ อายุ 45 ปี และ น.ส.จรินทร์ เจียมเจริญ อายุ 32 ปี ทั้งหมดเป็นพี่น้องกัน ทันทีที่เห็นตำรวจทุกคนก็ด่าทอขับไล่ตำรวจ แล้วคว้ามีดไล่ฟันจนเกิดความโกลาหลขึ้น





"สี่พี่น้องมีความเชื่อเรื่องการบูชาพระอินทร์มานานแล้ว พวกเขาเคยมาชวนชาวบ้านละแวกนี้ให้มาร่วมทำพิธีกรรมต่างๆ หลายครั้ง ผู้ตายเป็นลูกของนางกาญจนา ที่อ้างว่าเป็นร่างทรงและก่อนเกิดเหตุได้สั่งให้นางอนงค์ไปตัดต้นมะพร้าวในสวนจนหมด จากนั้นให้ฆ่าลูกสาวตัวเองเพื่อทำพิธีปลดปล่อยดวงวิญญาณ เพราะเชื่อว่าเด็กน้อยนำความชั่วร้ายติดตัวมาด้วย จึงต้องฆ่าทิ้งเสีย" ผู้ใหญ่บุญสม เล่า

ผู้ใหญ่บุญสมเป็นหนึ่งในเพื่อนบ้านที่เคยได้รับการชักชวนจากกาญจนา โดยเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม 2547 หรือ 2 วันก่อนเกิดเหตุ เวลาประมาณตี 3 อนงค์ได้มาตามที่บ้านผู้ใหญ่บุญสม ซึ่งอยู่ห่างออกไปเพียง 500 เมตร เมื่อขึ้นไปชั้นบนก็เห็นโต๊ะหมู่บูชา นางอนงค์สั่งให้หลับตาทำสมาธิ เพราะผู้ใหญ่เคยทำร้ายพระอินทร์ในชาติก่อน พอเห็นท่าไม่ดีเลยขอตัวกลับบ้าน





กระทั่งคืนวันที่ 4 ตุลาคมเวลาราวๆ ตี 2 ชาวบ้านละแวกใกล้เคียงก็ได้ยินเสียงเด็กกรีดร้องด้วยความเจ็บปวดแล้วก็เงียบหายไป ไม่มีใครคาดคิดไปถึงว่าจะเกิดเรื่องเลวร้ายขึ้น ด.ญ.ประภัสสร ถูกนางอนงค์ผู้มีศักดิ์เป็นป้าใช้มีดโต้ปาดคอจนเสียชีวิต แล้วตัดผมของเด็กไปแช่น้ำ นำเสื้อผ้าและที่นอนไปเผา เพราะเชื่อว่าเป็นการส่งวิญญาณให้ไปสู่สุคติ ช่วยให้โลกสงบสุข และนางกาญจนาผู้เป็นแม่สามารถสื่อสารกับพระอินทร์ได้ จะช่วยส่งวิญญาณของลูกสาวให้พระอินทร์ดูแล



"หลายคนเชื่อว่าเหตุสุดสลดเหล่านี้เกิดจากความกดดันในอดีตของแม่เด็ก" ผู้ใหญ่บุญสม กล่าว

บาดแผลในอดีตของนางกาญจนาคือถูกคนร้ายข่มขืนขณะอายุได้ 17 ปี ต่อมาเธอให้กำเนิด ด.ญ.ประภัสสร โดยมีนางอนงค์ผู้เป็นป้าคอยดูแลเอาใจใส่เป็นอย่างดี แต่แล้วทุกคนก็ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวนี้ ปัจจุบันสี่พี่น้องเข้ารับการรักษาอาการทางประสาทที่สถาบันกัลยาณ์ราชนครินทร์





วิปลาส - คลาดเคลื่อนไปจากธรรมดาสามัญ, ผิดปกติไปในทางเสื่อม.