"บิ๊กป้อม"ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจ.ส.อ.คลั่งยิงเพื่อนดับ

2022-09-14 14:23:55

"บิ๊กป้อม"ให้ดำเนินคดีตามกฎหมายจ.ส.อ.คลั่งยิงเพื่อนดับ

Advertisement

"บิ๊กป้อม"ให้ดำเนินคดีตามกฎหมาย  จ.ส.อ. คลั่งยิงเพื่อนร่วมงานดับ  ด้าน ทบ.แสดงความเสียใจครอบครัวผู้เสียชีวิต บาดเจ็บ ขณะที่จ่าคลั่งยังให้การวกวน

เมื่อวันที่  14 ก.ย. 65 พล.อ.ประวิตร​ วงษ์สุวรรณ​ รองนายกรัฐมนตรี  รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงเหตุการณ์ทหารกราดยิงในกรมยุทธศึกษาทหารบก จนเป็นเหตุให้ทหารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย ว่า ให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการกันไปตามกฎหมาย  ส่วนสาเหตุตนยังไม่ทราบ​ เนื่องจากยังไม่ได้มีการรายงานมา ต่อข้อถารมว่า จะมีแนวทางการป้องกันเพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำรอยหรือไม่​ พล.อ.ประวิตร​ กล่าวว่า จะป้องกันอย่างไร บอกมาดิ​ บอกมาจะให้ทำอย่างไร​ บอกมาหน่อย 

ด้าน พ.อ.หญิงศิริจันทร์ งาทอง รองโฆษกกองทัพบก  กล่าวว่า สำหรับสาเหตุและแรงจูงใจในการก่อเหตุอยู่ในระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริง เบื้องต้นหน่วยต้นสังกัดให้ข้อมูลว่า อาจจะเกิดจากความเครียดและปัญหาทางสุขภาพ ทั้งนี้จะดูแลรักษาผู้บาดเจ็บให้ดีที่สุด และดำเนินการเกี่ยวกับการจัดการศพของผู้เสียชีวิตอย่างเหมาะสม กองทัพบก ขอแสดงความเสียใจต่อครอบครัวของกำลังพลที่เสียชีวิตและผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ไม่คาดคิด อย่างไรก็ตามได้กำชับให้หน่วยต้นสังกัดได้บริหารจัดการในเรื่องดังกล่าวอย่างดีที่สุด

อีกด้านหนึ่ง นายทหารพระธรรมนูญพร้อมด้วยตำรวจ สน.ดุสิต ได้คุมตัว จ.ส.อ.ยงยุทธ มังกรกิม เสมียน วทบ. กรมยุทธศึกษาทหารบก ผู้ก่อเหตุใช้อาวุธปืนกราดยิงเพื่อนร่วมงานเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บ 1 ราย  มาสอบปากคำที่ สน.ดุสิต ถึงแรงจูงใจในการก่อเหตุดังกล่าว โดยมีเจ้าหน้าที่ พฐ. เข้ามาตรวจเขม่าดินปืน โดย จ.ส.อ.ยงยุทธ ยังให้การวกวน

ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) กล่าวว่า พนักงานสอบสวนยังไม่แจ้งข้อกล่าวหา จ.ส.อ.ยงยุทธ  เนื่องจากมีการสอบปากคำพยานที่เกี่ยวข้องประมาณ 10 ปาก   ส่วนตัวผู้ต้องหายังคงให้การวกวน พนักงานสอบสวนจึงต้องสอบถามทางแพทย์ ทั้งแพทย์ที่เคยรักษา และแพทย์ที่สามารถตรวจสอบสภาพทางจิตใจได้ ว่าผู้ต้องหาจะให้การต่อพนักงานสอบสวนได้อย่างไร ทั้งนี้ มีเงื่อนเวลาควบคุมตัวได้ 48 ชม. ซึ่งก่อนครบกำหนดดังกล่าว พนักงานสอบสวนต้องนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขังกับศาลทหาร  ส่วนมูลเหตุจูงใจในการก่อเหตุนั้น ยังไม่แน่ชัด เพราะคำให้การยังสับสนอยู่  จึงจำเป็นต้องเชิญแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญที่เกี่ยวข้องมาให้ความเห็นเพิ่ม นอกเหนือจากประวัติการรักษาในอดีต หรือหากมีความจำเป็นก็อาจส่งตัวไปตรวจร่างกาย หรือรอศาลสั่งให้ไป