"จุรินทร์” เดินหน้าประกันราย "ปาล์มน้ำมัน-มันสำปะหลัง"

2022-09-12 18:28:00

 "จุรินทร์” เดินหน้าประกันราย "ปาล์มน้ำมัน-มันสำปะหลัง"

Advertisement


"จุรินทร์” เดินหน้าประกันรายได้ปี 4  "ปาล์มน้ำมัน-มันสำปะหลัง" 

เมื่อวันที่ 12 ก.ย. 65 นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.)  รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พาณิชย์ ให้สัมภาษณ์ภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการเพื่อบริหารจัดการปาล์มนำ้มันและนำ้มันปาล์มด้านการตลาด ครั้งที่ 2/2565 พร้อมด้วยผู้แทนภาครัฐและภาคเอกชน ที่ห้องกิติยากรวรลักษณ์ ชั้น 4 ตึกสำนักงานปลัดกระทรวงพาณิชย์

นายจุรินทร์ กล่าวว่า ที่ประชุมติดตามสถานการณ์ผลผลิตในประเทศของปี 65 พบว่า ปริมาณผลปาล์มเพิ่มขึ้น 4% สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศช่วงปลายเดือน ส.ค.อยู่ที่ 2.6 แสนตัน เพิ่มขึ้น 27% เทียบกับตอนสิ้นเดือน ก.ค. การส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของไทย ตั้งแต่ ม.ค.-ส.ค. 65 ที่ 6.3 แสนตัน เพิ่มขึ้น 97% คู่แข่งสำคัญในตลาดส่งออกคืออินโดนีเซีย ขณะนี้เลิกห้ามการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบแล้ว และเร่งรัดการส่งออกด้วยการยกเลิกภาษีการส่งออก ตั้งแต่ 18 ก.ค. -31 ต.ค. 65 ซึ่งมีผลกระทบต่อการแข่งขันการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบของเราด้วย ตัวเลขการส่งออกในเดือน ส.ค.ลดลงมาประมาณหนึ่งเท่าตัวและเดือน ก.ย.ลดลงมาประมาณหนึ่งเท่าตัวเช่นเดียวกัน วันนี้ที่ประชุมมีมติ เห็นชอบ 2 เรื่อง 1.เห็นชอบให้มีการดำเนินการโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกปาล์มน้ำมัน ปีที่ 4 โดยหลักเกณฑ์เหมือนกับ 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ ประกันรายได้ที่กิโลกรัมละ 4 บาทครอบครัวละไม่เกิน 25 ไร่ และผลปาล์มต้องอายุ 3 ปีขึ้นไป กำหนดจำนวนเกษตรกรไว้ 3.8 แสนครอบครัว จะมีการจ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด ถ้าราคาปาล์มในตลาด ต่ำกว่ากิโลกรัมละ 4 บาท โดยจะกำหนดราคาอ้างอิงทุก 30 วัน เริ่มจ่ายส่วนต่างงวดแรก 15 ก.ย. 65 - 15 ส.ค. 66 วงเงินที่เตรียมไว้สำหรับการจ่ายเงินส่วนต่างปาล์ม 6,128 ล้านบาท 2. เห็นชอบมาตรการคู่ขนาน สนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มดิบกิโลกรัมละ 2 บาท ถ้าเข้าเงื่อนไข 2 ข้อ 1)สต๊อกน้ำมันปาล์มดิบในประเทศล้นจนสูงเกินกว่า 300,000 ตัน 2)ราคาน้ำมันปาล์มดิบในประเทศสูงกว่าราคาในตลาดโลก จะช่วยผู้ส่งออกกิโลกรัมละ 2 บาท จะดำเนินการจนถึงเดือน ก.ย. 66 ตั้งวงเงินไว้ 309 ล้านบาท รวม 2 โครงการนี้ ประกันรายได้ปาล์มปี 4 และมาตรการเสริม 6,437 ล้านบาท

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมการมีความเป็นห่วงเตือนไปยังเกษตรกรที่สนใจจะปลูกปาล์มใหม่ให้ระมัดระวังในเรื่องต้นกล้าปาล์มปลอม ซึ่งมีระบาดในหลายพื้นที่ ตนได้สั่งการให้ผู้ว่าราชการจังหวัดในทุกจังหวัดที่มีการปลูกปาล์มเข้มงวดกวดขันในเรื่องนี้ ในฐานะที่เป็นประธานกรรมการในระดับจังหวัดเร่งประชาสัมพันธ์ ให้เครือข่ายเกษตรกรในพื้นที่ที่รับผิดชอบรับทราบ และเรียนให้เกษตรกรผู้สนใจที่จะปลูกปาล์มใหม่ ถ้าต้องการตรวจสอบว่าต้นกล้าเป็นพันธุ์ที่แท้จริง ให้ใช้บริการกรมวิชาการซึ่งจะมีประจำทุกสำนักงานเกษตรอำเภอทั่วประเทศ จำนวน 882 ศูนย์ เพื่อได้รับความมั่นใจว่าเป็นพันธุ์ปาล์มที่ถูกต้อง หรือถ้าพบเบาะแสว่ามีการจำหน่ายพันธุ์ปาล์มปลอม ให้ช่วยแจ้งที่ 1569 ของกระทรวงพาณิชย์หรือกรมการค้าภายใน เพื่อจะได้ลงไปดำเนินคดีหรือตรวจสอบต่อไปได้ และระยะเวลาที่ผ่านมาได้ดำเนินคดีไปแล้ว 2 รายสำหรับผู้ขายต้นกล้าปาล์มปลอม จำนวน 42,800 ต้น มูลค่ารวม 7 ล้านบาทที่ จ.กระบี่ โทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี ปรับไม่เกิน 4,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ขอเตือนผู้ที่กระทำการนี้และอย่าคิดทำเพราะไม่คุ้ม และที่ประชุมยังมีความเห็นว่าควรได้มีการปรับปริมาณการใช้น้ำมันปาล์มในประเทศเพิ่มขึ้น เพื่อแก้ไขปัญหาราคาปาล์มที่ปรับลดลงมาขณะนี้ด้วยการปรับจาก B5 เป็น B7 ซึ่งจะนำเสนอตามขั้นตอนกระบวนการต่อไปสู่ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายปาล์มน้ำมันแห่งชาติ(กนป.) และได้มีการสั่งการให้เข้มงวดเรื่องมาตรฐานการรับซื้อผลปาล์มดิบจากเกษตรกร ให้เจ้าหน้าที่ตรวจเครื่องชั่งอย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งห้ามลานเทใช้ตะแกรงร่อนลูกร่วง และเข้มงวดการจดทะเบียนลานเท และขอให้รับซื้อเฉพาะผลปาล์มสุกเพื่อจะได้ผลปาล์มที่มีคุณภาพทำให้เกษตรกรช่วยสนับสนุนการตัดผลปาล์มที่มีคุณภาพเข้าสู่ระบบต่อไปได้ด้วย

“ขณะนี้ราคาผลปาล์มปรับลดลงมา ส่วนหนึ่งเพราะราคาน้ำมันปาล์มดิบโลกปรับลดลงมาเยอะ ตลาดมาเลเซียซึ่งเป็นตลาดกลางใหญ่ของโลก ราคาปรับลดลงมาถึง 17% ที่ประชุมเห็นชอบควรช่วยส่งเสริมราคาปาล์มให้ปรับสูงขึ้นอีกระดับหนึ่ง โดยเสนอให้ทำไบโอดีเซลจาก B5 เป็น B7 และเร่งรัดสนับสนุนการส่งออกน้ำมันปาล์มของไทยไปสู่ตลาดโลกมากขึ้น"นายจุรินทร์ กล่าว

นอกจากนี้นายจุรินทร์ยังได้ประชุมคณะกรรมการนโยบายและบริหารจัดการมันสำปะหลัง(นบมส.) ครั้งที่ 2/2565 โดยระบุว่า สถานการณ์การผลิตมันสำปะหลังในประเทศไทยปีนี้ คาดการณ์ว่าผลผลิตจะอยู่ที่ 35.8 ล้านตันหรืออาจต่ำกว่านี้ ซึ่งมีปริมาณความต้องการ 42.5 ล้านตัน สูงกว่าปริมาณการผลิ เช่นเดียวกับปีที่แล้ว ปัจจุบันราคาหัวมันสดสูงขึ้นมาก ตลอดปีที่ผ่านมาอยู่ที่เฉลี่ย กิโลกรัมละ 3.15 บาท เพิ่มขึ้น 23% มันเส้น กิโลกรัมละ 9.20 บาท +21.8% แป้งมัน กิโลกรัมละ 17.10 บาท เพิ่มขึ้น 21% เพราะสถานการณ์ราคามันสำปะหลังปีนี้ดีมาก สำหรับตัวเลขการส่งออก 7 เดือนแรกปีนี้ สามารถส่งออกได้แล้ว 22 ล้านตัน +14% เนื่องจากปริมาณไม่พอ จึงจำเป็นต้องนำเข้าส่วนนึง นำเข้ามาแล้ว 7 ล้านตัน สำหรับตลาดส่งออกของไทยที่ใหญ่ที่สุดคือ จีน 69% ญี่ปุ่น 8% อินโดนีเซีย 3% เกาหลี 2% เป็นมันเส้นประมาณ 40% แป้งมัน 60%

นายจุรินทร์ กล่าวอีกว่า มติที่ประชุมวันนี้ เรื่องที่หนึ่ง การติดตามการเดินหน้าให้เป็นไปตามยุทธศาสตร์มันสำปะหลัง ปี 64-67 ที่ประชุมมีมติให้ตั้งอนุกรรมการ 2 ชุด เพื่อขับเคลื่อนให้เป็นระบบและเป็นรูปธรรมขึ้น 1)อนุกรรมการด้านการผลิต เพื่อให้บรรลุเป้าหมายการเพิ่มผลผลิตต่อไร่ ตั้งปี 67 จะต้องได้ผลผลิตต่อไร่ไม่น้อยกว่า 5 ตัน ปัจจุบันทำได้เพียง 3.48 ตันต่อไร่ 2) ตั้งอนุกรรมการขับเคลื่อนการตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศขึ้น ขณะนี้ตลาดต่างประเทศถือว่าทำได้ทะลุเป้าเพราะเป้าตั้งไว้ว่าจะต้องเป็น +3% แต่ทำได้ถึง 7% ส่วนตลาดในประเทศตั้งเป้าว่าราคาจะได้ไม่ต่ำกว่า 2.50 บาท แต่ขณะนี้ราคาอยู่ที่ 3.15 บาท และมติที่ประชุมเห็นชอบให้เดินหน้าโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลังปี 4 ต่อไป โดยเงื่อนไขเหมือนกับ 3 ปีที่ผ่านมาทุกประการ คือประกันรายได้กิโลกรัมละ 2.50 บาท ไม่เกินครัวเรือนละ 100 ตัน เริ่มตั้งแต่ 1 ธ.ค.-1พ.ย.66 จ่ายเงินส่วนต่าง 12 งวด งบประมาณ 4,743.5 ล้านบาท สำหรับเงินส่วนต่างถ้าต้องจ่าย แต่ขณะนี้ยังไม่ต้องจ่ายเพราะราคา 3 บาทกว่าแล้วเกินรายได้ที่ประกันที่กิโลกรัมละ 2.50 บาทอเป็นปีแล้ว และที่ประชุมเห็นชอบมาตรการคู่ขนานกับประกันรายได้ 1)ช่วยดอกเบี้ย 3% กับเกษตรกรรายย่อย เพื่อกู้ไปใช้ในการปลูกมันสำปะหลังตั้งงบไว้ 41.4 ล้านบาท 2)ช่วยดอกเบี้ยสถาบันเกษตรกรที่เก็บสต๊อกมันสำปะหลังไว้ในช่วงที่มันออกเยอะ จะได้ไม่ทำให้ราคาตกตั้งงบไว้ 15 ล้านบาท 3)ช่วยดอกเบี้ย 3% ให้กับลานมัน โรงแป้งหรือโรงงานผลิตเอทานอล ในการนำไปแปรรูปเป็นมันเส้น แป้งมันหรือเอทานอล และเก็บสต๊อกไว้ 3-6 เดือน ตั้งวงเงิน 225 ล้านบาท ถ้าจำเป็นจะเพิ่มวงเงินให้อีกในอนาคต งบประมาณรวมกันมาตรการคู่ขนาน 291.4 ล้านบาท รวมประกันรายได้และมาตรการคู่ขนานเป็นเงิน 5,035.3 ล้านบาท จะได้เสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไปโดยเร็

“ข่าวดีสำหรับตลาดส่งออกมันสำปะหลัง ขณะนี้ทูตพาณิชย์ไทย ประจำฟิลิปปินส์ประสานผู้นำเข้าวัตถุดิบอาหารสัตว์ที่ต้องการนำเข้ามันสำปะหลัง จำนวน 37 บริษัทมาเจรจากับผู้ส่งออกมันสำปะหลังไทย ซึ่งได้พบกัน ช่วงวันที่ 9 กันยายนที่ผ่านมา และเพื่อให้บรรลุผลสำเร็จโดยเร็ว ผมมอบหมายให้รองปลัดกระทรวงพาณิชย์ นายกีรติ รัชโน รับผิดชอบบริหารจัดการเรื่องนี้ให้เกิดผล ซื้อขายได้โดยเร็วที่สุด ทั้งหมดนี้จะมีผลในการช่วยยกระดับราคามันสำปะหลังให้เกษตรกรเพิ่มขึ้น“ นายจุรินทร์ กล่าว