สธ.เตือนกลับจากเที่ยวป่าระวัง“สครับไทฟัส-มาลาเรีย”

2018-01-18 13:30:01

 สธ.เตือนกลับจากเที่ยวป่าระวัง“สครับไทฟัส-มาลาเรีย”

Advertisement

โฆษกกระทรวงสาธารณสุขเตือนนักท่องเที่ยวกลับจากเที่ยวป่าช่วงหน้าหนาวหากมีไข้ ปวดศีรษะ สงสัยป่วย “โรคสครับไทฟัส-มาลาเรีย” ให้รีบพบแพทย์ แจ้งประวัติเข้าป่าเพื่อรักษาอย่างทันท่วงที

เมื่อวันที่ 18 ม.ค. นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข และโฆษกกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคที่อาจพบหลังจากกลับจากท่องเที่ยวป่าในช่วงหน้าหนาว คือ โรคสครัปไทฟัส หรือ โรคไข้รากสาดใหญ่ที่มีตัวไรอ่อนเป็นพาหะนำโรค และโรคมาลาเรียมียุงก้นปล่องเป็นพาหะนำโรค ซึ่งทั้ง 2 โรคพบได้ตลอดปี สำหรับโรคสครับไทฟัส เกิดจากตัวไรอ่อนที่มีเชื้อโรคกัด ตัวไรอ่อนมักจะเข้าไปกัดอวัยวะที่อยู่ในร่มผ้า เช่น ขาหนีบ เอว ใต้ราวนม รักแร้ หลังถูกกัดประมาณ 10-12 วัน จะมีอาการป่วย มีไข้สูง หนาวสั่น ปวดศีรษะบริเวณขมับและหน้าผากอย่างรุนแรง อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยตัว ปวดกระบอกตา ไอแห้งๆ ผู้ป่วยร้อยละ 30-40 จะพบแผลคล้ายถูกบุหรี่จี้ ตรงบริเวณที่ถูกกัด ลักษณะสีแดงคล้ำเป็นรอยบุ๋ม ไม่คัน ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคนี้ ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ปอดอักเสบ สมองอักเสบ อาจเสียชีวิตได้ ทั้งนี้ตัวไรอ่อนจะอาศัยตามพุ่มไม้ในป่าที่มีอากาศชื้น แสงแดดส่องไม่ถึง โดยตั้งแต่วันที่ 1 ต.ค. 2560–12 ม.ค. 2561 พบผู้ป่วยโรคนี้แล้ว 2,185 ราย เสียชีวิต 2 ราย 


นพ.โอภาส กล่าวต่อว่า ส่วนโรคมาลาเรีย หรือ ไข้ป่า หรือ ไข้จับสั่น เกิดจากยุงก้นปล่องที่มีเชื้อโรคที่อาศัยอยู่ในป่ากัด หลังถูกยุงกัดประมาณ 14 วัน จะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ บางรายมีอาการหนาวสั่น หากรักษาไม่ทันท่วงทีอาจเกิด ภาวะแทรกซ้อน เชื้อขึ้นสมอง หมดสติ เม็ดเลือดแดงแตก ไตวาย เสียชีวิตได้ ตั้งแต่ 1 ต.ค. 2560–12 ม.ค.2561 พบผู้ป่วย 500 ราย ดังนั้นหลังจากออกจากป่าให้อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย และซักเสื้อผ้าที่สวมใส่ให้สะอาดป้องกันตัวไรอ่อนที่ติดมากับเสื้อผ้ากัด และภายใน 15 วัน หากมีอาการป่วยมีไข้สูง ปวดศีรษะ ขอให้พบแพทย์และแจ้งประวัติการเข้าป่าให้แพทย์ทราบด้วย เพื่อสามารถให้การรักษาอย่างถูกต้อง ป้องกันการเสียชีวิตได้