"ดร.สันต์" มีคำตอบน้ำท่วม กทม. สรุปน้ำมาก ฝนมาก หรือการบริหารจัดการไม่ดี

2022-09-12 11:27:29

 "ดร.สันต์" มีคำตอบน้ำท่วม กทม. สรุปน้ำมาก ฝนมาก หรือการบริหารจัดการไม่ดี

Advertisement

"ดร.สันต์" มีคำตอบน้ำท่วม กทม. สรุปน้ำมาก ฝนมาก หรือการบริหารจัดการไม่ดี เผยปีนี้ฝนตกในเขต กทม. ช่วงต้น ก.ย.มีค่าเฉลี่ยรายวันสูงมากจนทุบสถิติ

เมื่อวันที่ 12 ก.ย.65  ดร.สันต์ ศรีอรรฆ์ธำรง อาจารย์พิเศษคณะบริหารการพัฒนาสิ่งแวดล้อม มหาวิทยาลัยพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก Sunt Srianthumrong ระบุตอนหนึ่งว่า  น้ำท่วม กทม. สรุปแล้วตกลงว่า น้ำมาก ฝนมาก หรือว่าเป็นที่การบริหารจัดการไม่ดี เรามาดูตัวเลขย้อนหลัง 5 ปีกันครับ ผมบอกเลยครับว่า วันที่แย่ที่สุดของปีนี้ อาจจะยังมาไม่ถึงนะครับ ทำใจไว้เลย และแน่นอนครับว่า ปีที่แย่ที่สุดก็น่าจะยังมาไม่ถึงเช่นกัน เรามาค่อยๆวิเคราะห์ตัวเลขข้อมูลย้อนหลัง 5 ปีกันครับ ตัวเลขที่ผมคิดว่าบ่งชี้ได้ดีว่าท่วมหรือไม่ท่วมเมื่อฝนตกเฉียบพลันคือตัวเลขรายวัน เพราะว่าน้ำท่วมแบบฝนตก ส่วนมากก็เกิดจากการระบายระยะสั้นไม่ทันครับ ส่วนค่าปริมาณฝนรายเดือนจะเหมาะกับการวิเคราะห์การท่วมของ กทม.จากน้ำเหนือ ซึ่งปัญหาที่เราเจอเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาคือ ปัญหาท่วมจากฝนตกหนักในพื้นที่แบบรายวัน สรุปคือ 

1. ปีนี้ฝนที่ตกในเขต กทม. ช่วงต้น ก.ย.มีค่าเฉลี่ยรายวันสูงมาก และเกิดขึ้นแบบหลายวันติดกัน

2. ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ยราย 7 วันทุบสถิติรอบ 6 ปีของช่วงเดือน ส.ค. - ต.ค. ไปแล้ว

3. ปริมาณน้ำฝนเฉลี่ย 10 วันแรกของเดือน ก.ย. ทุบสถิติเช่นกัน

4. จำนวนวันที่ฝนตกหนักกว่า 100 มม. ทุบสถิติ

5. จำนวนวันที่ฝนตกหนักกว่า 120 มม. ทุบสถิติ

6. ปัญหาที่ใหญ่มากคือ ค่าเฉลี่ยรายเดือนอาจไม่ได้เพิ่มขึ้นเลย แต่ Extreme day กลับเพิ่มขึ้นอย่างมาก นี่คือ Character ของปัญหา Climate Crisis

สถิติที่ยังไม่ทุบ

1. ปริมาณฝนสูงสุดรายเฉพาะวัน เจ้าของสถิติเดิมที่ 223 มม. คือเมื่อวันที่ 14 ต.ค. 2560 ภาพข่าวจาก The Standard วันนั้นตกหนักต่อเนื่องจากช่วงกลางคืนแค่วันเดียวเท่านั้นก็เละแบบหมดสภาพครับ หนักยิ่งกว่าสัปดาห์ที่ผ่านมาเยอะครับ บางทีผมคิดว่านี่คือแค่จุดเริ่มต้น ซึ่งไม่ใช่แค่จุดเริ่มต้นของปีนี้นะครับ แต่อาจจะเป็นสัญญาณเตือนของหายนะภัยที่จะมาในปีต่อๆไปด้วย ยิ่ง Global Warming รุนแรงขึ้นเท่าใหร่ เราจะยิ่งเจอ Extreme Weather Event แบบนี้มากขึ้นเรื่อยๆ หายนะจริงย่อมรุนแรงกว่าสัญญาณเตือน และถ้าน้ำทะเลสูงขึ้นมากกว่านี้อีกในช่วงปีค.ศ. 2050 สิ่งที่ผมกังวลที่สุดตอนนี้คือ กทม.และอีกหลายพื้นที่โดยรอบ จะยังคงสามารถอยู่อาศัยได้หรือไม่นะครับ ถ้าผู้คนยังไม่ใส่ใจและละเลยปัญหาสิ่งแวดล้อมกันแบบนี้ มนุษย์เราส่วนมากก็มองเห็นกันแต่ พวกใครพวกมัน การเมือง เงินในกระเป๋า GDP และความมักง่ายสารพัด ไม่ได้พูดเล่นนะครับ พูดจริงๆ เที่ยวหน้าผมจะเอาแผนที่น้ำท่วมในปี 2050 มาวิเคราะห์ร่วมกับเรื่องโลกร้อนกันครับ แล้วค่อยมาดูกันว่า พ่อบ้านแม่บ้าน มนุษย์ธรรมดา จะเอาตัวรอดกันอย่างไรครับ จำกันไว้ครับว่า This is just the Beginning. ป.ล. จากคนที่ไม่ลงทุนอสังหาฯในกทม.เลยแม้แต่บาทเดียว


ขอบคุณเฟซบุ๊ก Sunt Srianthumrong