"สมคิด" เปิดตัวนั่ง ปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย เป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่ฟ้าลิขิต

2022-09-08 13:50:26

"สมคิด" เปิดตัวนั่ง  ปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย เป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่ฟ้าลิขิต

Advertisement

"สมคิด" เปิดตัวนั่ง  ปธ.พรรคสร้างอนาคตไทย ระบุเป็นนายกฯหรือไม่อยู่ที่ฟ้าลิขิต ปูดการเมืองเหมือนคอกม้าซื้อขายโจ่งครึ่ม

เมื่อเวลา 10.00น. วันที่ 8 ก.ย. ที่โรงแรมรามาการ์เด้นส์ ถนนวิภาวดีรังสิต พรรคสร้างอนาคตไทย จัดกิจกรรมคิดสร้างอนาคตไทย โดยเป็นการเปิดตัวนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในตำแหน่งประธานพรรคสร้างอนาคตไทย

นายสมคิด เปิดใจว่า ตนไม่ได้มาคนเดียว มาพร้อมกับลูกชายคนเล็ก ชื่อนายณฉัตร จาตุศรีพิทักษ์ ชื่อเล่นชื่อ คลัง เป็นลูกที่สวรรค์ส่งมาให้ตน ในขณะที่ตนเป็น รมว.คลัง น้องคลังเป็นลูกคนเล็ก อายุ 20 ปี เรียนวิศวกรรมปี 2 มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ที่ตนพามา ไม่ได้พามาเที่ยว แต่พามาเพื่อให้เป็นประจักษ์พยาน ได้เห็นได้รู้ว่าการสร้างพรรคการเมืองที่ดีมันมีจริง ต้องการให้เรียนรู้ว่าการทำพรรคการเมือมันไม่ใช่ของง่าย ต้องการให้เขาเข้าใจในพ่อของเขาว่าต้องกลับมาช่วยเหลือน้องๆ ทั้งหมดล้วนแต่เป็นภารกิจหน้าที่ทั้งนั้น ไม่ใช่เพราะตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ไม่มีความหมายเลย แต่ที่มีคือ การเป็นผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงให้กับประเทศไทย ประเทศไทยมีนายกฯมาทุกสมัย ดีบ้าง อ่อนบ้าง แต่ยากจริงๆ ที่จะหาผู้นำที่สร้างความเปลี่ยนแปลงในการพัฒนาบ้านเมือง บางทีไม่ใช่เพราะไม่กล้า แต่พลังไม่ถึง บางคนพลังถึงแต่ไม่คิดที่จะทำ เพราะอาเจนด้ามันมีมากกว่า ฉะนั้น วันนี้มาเพื่อให้น้องคลังได้เห็นสิ่งที่พ่อเขาพยายาม ไม่ว่าจะได้มากได้น้อย มันเป็นเรื่องของชะตาบ้านเมือง

นายสมคิด กล่าวต่อว่า ต้องการให้นิวเจนได้รู้ว่าการเมืองไม่ได้เลวร้าย การเมืองดีก็มี การเมืองที่มุ่งทำงานให้ชาติก็มี คนที่มุ่งทำงานก็มี อย่าคิดว่าการกลับมานั้นหวังแค่นายกฯ ให้คิดเสียใหม่ รู้จักชื่อสมคิดน้อยไป วันนี้มาด้วยสองวัตถุประสงค์ วัตถุประสงค์แรก มาเพื่อให้กำลังใจพรรค ขอบคุณทางพรรคที่มีความตั้งใจ มีความมุ่งมั่นที่จะสร้างการเมืองเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง เพื่อเป็นหลักยึดแก้ไข เพื่อเป็นอนาคตให้กับคนรุ่นหลาน ซึ่งหายากจริงๆ ไม่คิดถึงอนาคต คิดถึงแต่ปัจจุบัน ถ้าเป็นอย่างนั้นบ้านเมืองไปไม่ได้ ขอบคุณจริงๆ ที่มีความเด็ดเดี่ยวที่กล้าประกาศว่าเป็นพรรคสายกลาง ไม่คิดสุดโต่ง สุดขั้ว เพราะความคิดแบบนั้น แบ่งฝักแบ่งฝ่าย แบ่งสีแบ่งกลุ่มมันมีแต่ทำลายตัวเอง ทำลายบ้านเมือง จุดสำคัญคือ คุณต้องเป็นกลาง เพื่อเป็นตัวยึดโยงให้พลังในชาติสามารถเป็นพลังแห่งชาติ คิดในสิ่งที่มีประโยชน์ ไม่ใช่เพื่อตัวเอง แต่เพื่อชาติบ้านเมืองเป็นใหญ่

นายสมคิด กล่าวอีกว่า สิ่งสำคัญที่สุด ท่านมีความกล้าหาญเพียงพอที่กล้าตั้งพรรคการเมืองในขณะนี้ทั้งที่สถานการณ์ทางการเมืองมันค่อนข้างเละเทะจริงๆ สถานการณ์ที่เงินตราเริ่มเข้ามามีบทบาทสูงมาก การแข่งขันทางการเมืองเริ่มมีลักษณะเหมือนการแข่งขันในสนามม้า มีม้าแข่งที่ต้องซื้อ มีคอกที่ต้องมีเจ้าของ และคอกก็ต้องหาเงินมาเลี้ยงม้า สิ่งเหล่านี้ที่ผ่านมาแม้มีมาตลอด แต่ไม่เคยมีครั้งไหนที่ทุกคนรู้ว่ามันมีอยู่ โจ่งครึ่มเกินไป เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเลย แล้วคนรุ่นหลังจะหันหลังให้การเมืองไทยตลอด จะไม่ได้คนดีเลย รุ่นใหม่จะไม่อยากเข้ามา ฉะนั้น ความเด็ดเดี่ยวกล้าหาญ ที่จะรวบรวมความคิดอ่านเพื่อเข้าไปช่วยเหลือประชาชนคือความกล้าหาญที่แท้จริง ไม่ต้องไปคำนึง ไปกลัวว่าจะได้กี่เสียง จำนวนเสียงไมได้บอกอะไร แต่ศรัทธาของประชาชนคือหัวใจ อย่าคิดว่าเงินตราจะซื้อคอกม้าใหญ่ได้แล้วจะมีพลังในการบริหารประเทศ ถ้าเล่นการเมือง สร้างพรรคการเมือง คิดแต่สร้างผลทางอำนาจ แต่ถ้าไม่มีโครงสร้างทางปัญญา ไม่สั่งสมคนมีความสามารถ สุดท้ายจะไปไม่รอด จะพาบ้านเมืองไปไม่รอดด้วย

“มีคนเคยบอกว่าสมคิดไม่มาแน่นอน เพราะต้นทุนทางสังคมเยอะพอสมควร จะมาอยู่กับพรรคเล็กทำไม ผมมาที่นี่ไม่ใช่เพราะตำแหน่งแคนดิเดตนายกฯ แต่ต้องการช่วยพรรคครั้งนี้ เป็นตัวอย่าง เป็นตัวขับเคลื่อน สร้างความเปลี่ยนแปลงกับประเทศไทยในทางที่ถูกต้อง”นายสมคิด กล่าว

นายสมคิด กล่าวว่า ปัจจุบันประเทศไทยสถานการณ์หนักกว่าที่คิด และอ่อนเปลี้ยเพลียแรง ตนจำได้ว่ารัฐบาลที่แล้วเมื่อปี 2557 ก่อนที่ตนจะส่งทีม 4 กุมารเข้าไป จีดีพีเหลือเพียง 1% เพราะมีการรัฐประหาร ทำให้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต้องช่วยกันทำงานจนลากจีดีพีขึ้นมาถึง 3-4% แต่ต่อมาต้องมาเจอพิษโควิด-19 และพิษการเมืองที่แสวงหาอำนาจ แต่ไม่แสวงปัญญา เป็นรัฐบาลผสม หรือบุฟเฟ่ต์คาบิเนต มีที่ไหนที่นโยบายประเทศแบ่งกันตามกระทรวง ทางใครทางมัน ตนจึงวอล์กเอาท์ ที่คือความเป็นจริงของประเทศไทย ทำให้จีดีพีหดตัว วันนั้นเรายังไม่มีปัญหาเรื่องการส่งออก และพลังงาน มาวันนี้การส่งออกเริ่มชะลอตัว เมื่อมองไปข้างหน้า เราจะพบมรสุมลูกใหญ่ แล้วเราจะถึงฝั่งได้อย่างไร

นายสมคิด กล่าวว่า วันนี้เรามีนายกรัฐมนตรี แต่คนไหนตัวจริงยังไม่รู้เลย ที่น่ากังวลเพราะว่าเราต้องการนายกรัฐมนตรีจริงๆ อย่างไรก็แล้วแต่ต้องมีจริงๆ เพื่อให้โฟกัสที่ไปตัวผู้นำ ไม่อย่างนั้นใครนำเรือลำนี้ หรือจะให้ข้าราชการนำ ข้าราชการนำไม่ได้ สมัยก่อนนำได้ แต่สิบกว่าปีมานี้ให้หลังไม่ได้ เพราะการเมืองไม่ไหว ทำมากผิดมาก ไม่ทำเลยไม่ผิด คนดีมีความสามารถนิ่งเสียตำลึงทอง ฉะนั้น ทั้งหมดอยู่ที่ผู้นำที่ต้องทุบโต๊ะ ถ้าไม่ช่วยเหลือให้ยุบสภาเลย เก็บไว้ทำไม เมืองไทยจะไปไม่ไหว ปล่อยให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้ ไม่ใช่ว่าทำไม่เป็น ไม่ใช่ว่าคนไทยไม่ดี คนไทยมีความอดทนสูงมาก ตนอายุขนาดนี้ คนไทยไม่เคยบ่น ลำบากก็ไม่บ่น เขามองหาความหวังว่าใครจะมาช่วยเขา ที่น่าเป็นห่วงคือ ถ้าเขามองแล้วความหวังไม่มี พรุ่งนี้ไปตายเอาดาบหน้า อันนี้เป็นส่งที่น่าเป็นห่วง ยิ่งวันยิ่งจน เมื่อจนไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ การจะเป็นเหยื่อของการปลุกปั่นเกลียดชังจะเกิดขึ้น เพราะจะมีคนปลุกปั่นอยู่ การปลุกปั่นยุยงให้แตกแยกกันไม่มีใครได้ประโยชน์นอกจากคนปลุกปั่น การเป็นปฏิปักษ์กันเองของคนในชาติเป็นสิ่งที่พรรคนี้อย่าให้เกิดขึ้น ต้องมุ่งมั่น เอาคนดีมาร่วมมือกันทั้งในพรรคและนอกพรรค

นายสมคิด กล่าวว่า อยากให้พรรคนี้พยายามเข้าไปกอบกู้และสร้างอนาคตของประเทศไทย ตนได้ยินว่านายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรค จะตั้ง “กองทุนสร้างอนาคตไทย” ตนจึงขอให้แบ่งเป็น 2 ส่วน คือส่วนเร่งด่วน ช่วยเหลือคนยากลำบาก ไม่เช่นนั้นจะอยู่ไม่ได้ ส่วนกองที่สอง คือกองทุนเพื่ออนาคต คนไทยกว่า 60% อยู่ในภาคเกษตรกรรม แต่กลับมีส่วนในจีดีพีน้อย จึงไม่มีอำนาจซื้อ เราจึงต้องเปลี่ยนแปลงและช่วยเหลือคนกลุ่มนี้ นอกจากนี้ ยังต้องปฏิรูปการท่องเที่ยว และทำให้เกิดการหมุนเวียนเม็ดเงินในชุมชุน เมื่อเชื่อมต่อระหว่างการเกษตรยุคใหม่ และการท่องเที่ยว มีหรือที่ชีวิตความเป็นอยู่จะไม่ดีขึ้น ทั้งนี้ ความผิดไม่ได้อยู่ที่การประกัน หรือการจำนำ แต่อยู่ที่การคอร์รัปชั่น จึงต้องปฏิรูปให้ชัดเจน อนาคตข้างหน้าเครื่องยนต์เศรษฐกิจไม่ได้อยู่ที่บริษัทใหญ่ๆ แต่อยู่ที่ทุกคน จึงต้องมีเรื่องของอินเตอร์เน็ต บิ๊กดาต้า และเทคโนโลยี กองทุนกองที่สองจะต้องเข้าไปหนุน และยกเครื่องทั้งหมด คนทำงานต้องเปลี่ยนทัศนคติ การคอร์รัปชั่นต้องอย่าให้เกิด เมื่อวันที่ 7 ก.ย. พรรคสร้างอนาคตไทยได้เสนอให้ตนเป็นประธานพรรค ตนสนับสนุนพรรคในทุกบทบาท และทุกรูปแบบ จึงอยากเข้ามาช่วยสนับสนุน แม้จะมีอายุมากแล้ว แต่ก็เห็นใจน้องๆ เพราะการเมืองไม่ใช่เรื่องง่าย คนอย่างผมไม่มีใจบันดาลแรงนะ แต่ผมมีแรงบันดาลใจ ที่จะช่วยเหลือประเทศไทย สร้างอนาคตให้ประเทศไทย ไม่ใช่เพื่อตัวเอง สิ่งนี้มาจากความจริงใจของผม ยิ่งมาแข่งเยอะยิ่งดี ตั้งใจจะไม่ต่อล้อเถียงกับใคร ในระบอบนี้ต้องคิดต่าง แต่เคารพความเห็นซึ่งกันและกัน

นายสมคิด กล่าวว่า การกระจายงบประมาณ และอำนาจ คือหัวใจของการสร้างความเข้มแข็งของการสร้างเศรษฐกิจภายใน ตนจะสนับสนุนท่าน ถ้าท่านรับปากตน 3 ข้อ คือ 1.การสร้างพรรคการเมืองที่ดี ขับเคลื่อนด้วยอุดมการณ์ และนโยบาย เป็นพรรคการเมืองเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง แปลว่าพรรคต้องมีช่องทางเกาะเกี่ยวกับประชาชน ให้ประชาชน เข้ามากำหนดการตัดสินใจกับพรรคทั้งในสภา และนอกสภา ต้องไม่ใช่การเมืองที่มีส่วนร่วม 4 วินาที ที่ไทยเป็นอย่างนี้เพราะภาคประชาชนอ่อนแอ ทั้งนี้ ต้องอย่าแสวงอำนาจ แต่ให้แสวงหานโนยาย องค์ความรู้ และปัญญา สามารถทำงานกับทุกพรรคเพื่อพาชาติให้รอด 2.การเข้าไปกอบกู้เศรษฐกิจ และทำตามที่ตนเสนอ คือการทำงานแก้ปัญหาทั้งระยะสั้น และระยะยาว และ3.เรื่องการเมือง ประชาธิปไตยเป็นสิ่งที่ดีที่สุด แต่กระบวนการประชาธิปไตย ไม่ได้เป็นอย่างที่ตนหวังไว้ เพราะทุกเรื่องไม่ได้พ้นเรื่องเงิน ผู้นำต้องสร้างความเปลี่ยนแปลง พรรคการเมืองต้องร่วมมือสนับสนุน ต้องสามารถเข้ามาเปลี่ยนแปลงการเมืองได้ ไม่ใช่เลือกตั้งกี่ครั้งก็เหมือนเดิม สภาคือหัวใจ ที่ต้องรื้อกฎหมายเก่า และสร้างกฎหมายใหม่ ถ้าคุณต้องการเปลี่ยนแปลงการ จะต้องเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญ ที่ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงกติกาเลือกตั้ง แต่ต้องรีฟอร์มครั้งใหญ่ ทั้งการกระจายอำนาจ งบประมาณ และระบบราชการ เพื่อให้ไปสู่ทิศทางข้างหน้าให้ได้ ต้องไม่ใช่จากใครที่มาเขียนรัฐธรรมนูญ ต้องให้คนทุกเพศ ทุกวัยเข้ามามีส่วนร่วม รวมถึงคนรุ่นใหม่ พรรคสร้างอนาคตไทยจะต้องดึงภาคประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพราะพรรคจะโตขึ้นจาการที่ประชาชนให้การสนับสนุน กลายเป็นพลังที่อยู่ข้างหลัง จนพรรคใหญ่ก็ต้องฟัง

นายสมคิด กล่าวว่า อย่าหวงอำนาจ หวงตำแหน่ง การที่ประสบความสำเร็จ อย่าแสวงหาอำนาจ ต้องแสวงหาคน อย่ามาบอก 7 คน 1 ที่นั่ง ตนไม่ฟัง ถ้ามี ส.ส.คนไหนในพรรคที่เดินออกนอกลู่นอกทาง พร้อมทรยศอุดมการณ์ พร้อมขอนายอุตตมใช้มติกรรมการบริหารพรรคไล่เขาไป เราต้องเป็นพรรคของประชาชนที่แท้จริง ต้องทำให้ดีที่สุด และเราต้องไม่มีศัตรู ต้องมีมิตร เราไม่ได้เก่งคนเดียว คนอื่นเขาก็เก่งเหมือนกัน คนไทยรอไม่ได้ มันถึงจุดนี้ถ้ารอต่อไปไม่เปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นลูกหลานคงไปอยู่เมืองนอก

“ผมมาที่นี่ อย่าพูดไปเรื่อยๆ ว่าจะให้ผมเป็นนายกฯ เพราะการเป็นนายกฯฟ้าลิขิต แต่ผมพร้อมที่จะเป็นผู้นำให้พวกคุณ ฉะนั้น ถ้าหากว่ายอมรับสิ่งเหล่านี้ได้ ผมพร้อมจะเป็นประธานพรรคให้ท่าน รับหรือไม่รับ” ทำให้นายอุตตม นำสมาชิกลุกขึ้นตะโกนว่า “รับๆ” พร้อมตะโกนว่า “สมคิดๆๆๆ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายในงานยังพบนายปองพล อดิเรกสาร พร้อมลูกชายคือนายปรพล อดิเรกสาร มาร่วมงานด้วย นอกจากนี้ ยังมีนายนวกิจ พลวิเศษ บุตรชายนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา และนพ.ประสิทธิ์ ชัยวิรัตนะ อดีต ส.ส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย และอดีตรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรียุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร