"ศรีสุวรรณ"ยื่น กกต. สอบ "สุวัจน์-กรณ์"

2022-09-05 17:21:52

"ศรีสุวรรณ"ยื่น กกต. สอบ "สุวัจน์-กรณ์"

Advertisement

"ศรีสุวรรณ"ยื่น กกต. สอบ "สุวัจน์-กรณ์" เข้าข่ายชี้นำพรรคการเมืองหรือไม่

เมื่อวันที่ 5 ก.ย.65 นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย ได้เดินทางมายื่นคำร้องต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เพื่อขอให้ไต่สวน สอบสวนนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนา และนายกรณ์ จาติกวณิช หัวหน้าพรรคกล้า ที่ร่วมกันแถลงข่าวจับมือทางการเมือง โดยนายกรณ์จะเข้ามาเป็นหัวหน้าทีมเศรษฐกิจของพรรคชาติพัฒนา และอาจเป็นหัวหน้าพรรคชาติพัฒนาในอนาคต ทั้งๆที่ตามกฎหมายนายกรณ์ ยังมีสถานะเป็นสมาชิกและหัวหน้าพรรคกล้าอยู่ การที่ประธานพรรคชาติพัฒนา ยินยอมให้นายกรณ์ ซึ่งยังมิได้ลาออกจากการเป็นสมาชิกและหัวหน้าพรรคกล้าก่อนนั้น ชี้ให้เห็นว่า พรรคชาติพัฒนาอาจเข้าข่ายยินยอมหรือกระทําการใดอันทําให้บุคคลอื่นซึ่งมิใช่สมาชิกกระทําการอันเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้ พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่าโดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม อันเป็นการฝ่าฝืนหรือต้องห้ามตาม ม.28 แห่ง พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 หรือไม่  ทั้งนี้ หาก กกต.วินิจฉัยว่ามีความผิดจริง ซึ่งตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.92(3) บัญญัติไว้ชัดเจนว่าการกระทำเช่นนี้ อาจเป็นหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าพรรคการเมืองดังกล่าวกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่ง ตาม ม.28 จะเป็นหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการการเลือกตั้งที่จะต้องดำเนินการยื่นให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยเพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองดังกล่าวต่อไปได้

นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า ในขณะเดียวกัน การที่นายกรณ์ แถลงยืนยันต่อหน้าสื่อมวลชนว่า ตนมาแถลงข่าวเกี่ยวกับการดําเนินกิจกรรมของพรรคของพรรคชาติพัฒนา เป็นการมาในฐานะส่วนตัว นั้น จึงอาจเป็นการชี้ได้ว่า นายกรณ์ จาติกวณิช ยังมิใช่สมาชิกพรรคชาติพัฒนา แต่กลับมาร่วมกระทําการ อันมีลักษณะเป็นการควบคุม ครอบงํา หรือชี้นํา กิจกรรมของพรรคการเมืองในลักษณะที่ทําให้พรรคการเมืองหรือสมาชิกขาดความอิสระ ทั้งนี้ ไม่ว่า โดยทางตรงหรือโดยทางอ้อม อันเป็นการฝ่าฝืนหรือต้องห้ามตาม ม.29 แห่ง พ.ร.ป. ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ซึ่งอาจมีความผิดตาม ม.108 ซึ่งต้องระวางโทษจําคุกตั้งแต่ 5-10 ปี และปรับตั้งแต่ 1 – 2 แสนบาท หรือทั้งจําทั้งปรับ และให้ศาลสั่งเพิกถอนสิทธิสมัครรับเลือกตั้งของผู้นั้นได้ ด้วยเหตุดังกล่าวสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย จึงจำต้องนำความมาร้อง กกต.เพื่อให้วินิจฉัยกรณีดังกล่าว เพื่อเป็นบรรทัดฐานทางการเมืองต่อไป