ผบ.ตร.นำทีมแถลงผลการจับกุม 4 ผู้ต้องหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์นำบัตรประจำตัวประชาชนของ“ณิชา”ไปเปิดบัญชี 8 ธนาคาร 10 บัญชี การันตี “ณิชา”เป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นผู้เสียหายจริง
เมื่อวันที่ 17 ม.ค. พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. และคณะร่วมกันแถลงผลการจับกุมผู้ต้องหา 4 ราย ในคดีที่ น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ ถูกคนร้ายนำบัตรประชาชนไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี จนต้องตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกง ติดคุกนาน 3 วัน ก่อนได้รับการประกันตัวว่า คนร้าย 4 ราย ประกอบไปด้วย 1.นายนายอายัค ไซมอน อีโก้ สัญชาติแคเมอรูน ทำหน้าที่จ้างวานหาบัญชี และนำบัตรเอทีเอ็มไปกดเงิน โดยแจ้งข้อหาใช้บัตรอิเลคทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหาย และร่วมกันนำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปใช้ 2.นางสาวเจรติ สายสิน ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 3 บัญชี ซึ่งขณะนี้ถูกจำคุกอยู่ในเรือนจำโพธิ์แก้ว จ.นครปฐม ในคดีความผิดฐานฉ้อโกง ซึ่งไม่ได้นำตัวมาแถลงข่าวในวันนี้ 3.น.ส.ปวีณา สิงห์วิบูลย์ ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 5 บัญชี ข้อหาร่วมกันปลอมและใช้เอกสารสิทธิปลอม ร่วมกันเอาไปเสียซึ่งเอกสารใดของผู้อื่น ทำให้เกิดความเสียหาย ร่วมกันนำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปแสดงตัวว่าเป็นตนจริง ร่วมกันลักทรัพย์ ร่วมใช้บัตรอิทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ เป็นผู้สนับสนุนหรือร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยมิชอบ และ 4.น.ส.พรหมพร พงษ์เจริญคุณากร ทำหน้าที่รับเปิดบัญชี 2 บัญชี โดยถูกแจ้งข้อหาเป็นผู้สนับสนุนหรือร่วมกันใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์โดยมิชอบ
ผบ.ตร. กล่าวต่อว่า จากการสืบสวน พบว่า มีคนร้ายนำบัตรประชาชนของ น.ส.ณิชา ไปเปิดอีก 1 ธนาคาร 1 บัญชี รวมทั้งหมดขณะนี้เป็น 8 ธนาคาร 10 บัญชีแล้ว โดยกระทำผิดในหลายพื้นที่ เช่น สน.ห้วยขวาง สน.ภาษีเจริญ สน.ทุ่งมหาเมฆ สน.ลาดพร้าว สน.หลักสอง สภ.นนทบุรี และ สน.วังทองหลาง ส่วนเงินในบัญชีของ น.ส.ณิชา มีจำนวนถึง 6 ล้านบาท เป็นเรื่องเงินหมุนเวียนตั้งแต่ปี 2554 ซึ่งได้สั่งให้ตรวจสอบ พบว่า ไม่เกี่ยวโยงกับการทำความผิด และไม่เกี่ยวข้องกับแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ซึ่งขณะนี้ตำรวจได้สอบสวนให้เกิดความชัดเจนแล้ว จึงอยากให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายด้วย ซึ่งขณะนี้ได้มอบหมายให้ พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบก.ทท.) หารือกับตัวแทนธนาคารต่างๆ อุดช่องโหว่ของธนาคาร ไม่ให้มิจฉาชีพลงมือ เช่นกรณีนี้ได้
ด้าน พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจท่องเที่ยว (รอง ผบก.ทท.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ยืนยันแล้วว่า น.ส.ณิชา เป็นผู้บริสุทธิ์และเป็นผู้เสียหายจริง แต่หากมีหลักฐานที่เชื่อมโยงไปถึงจะถือว่ามีความผิดด้วย ส่วนประเด็นบัตรประชาชนที่ น.ส.ณิชา ทำหลายครั้งนั้น โดยใบแรกทำตั้งแต่อายุ 15 ปี ส่วนบัตรใบสองแจ้งหายไว้ และคนร้ายนำไปเปิดบัญชี โดยการที่ น.ส.ณิชาทำบัตรใหม่หลายครั้งนั้นซึ่งถือเป็นเรื่องปกติของคนที่ทำหายบ่อย
ขณะที่ น.ส.ณิชาได้เดินทางมาที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อขอบคุณตำรวจที่ช่วยคลี่คลายคดีทำให้ตนเองเป็นผู้บริสุทธิ์ เกิดความกระจ่างต่อสังคม ส่วนจะมีการฟ้องธนาคารหรือไม่นั้น ก็อยู่ระหว่างปรึกษากับทนายความถึงข้อกฎหมาย พร้อมฝากถึงผู้ที่ทำบัตรประชาชนหายบ่อย ควรรีบแจ้งความกับตำรวจให้เร็วที่สุด เพราะไม่อยากให้เกิดกรณีเช่นนี้อีก