คดีพลิก! พี่สาวยัน "น้องไอซ์" แอร์สายการบินดังไม่ได้ถูกฆาตกรรม

2018-01-15 14:20:07

คดีพลิก! พี่สาวยัน "น้องไอซ์" แอร์สายการบินดังไม่ได้ถูกฆาตกรรม

Advertisement

พลิกล็อกคดี"น้องไอซ์"แอร์สาวเสียชีวิตในโดฮา สาวอ้างเป็นพี่โพสต์เฟซบุ๊ก เผยผู้ตายป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ส่ง WhatsApp บอกรักตนกับแม่ก่อนตัดสินใจ จบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอในห้องพัก ยืนยันน้องไม่ได้ถูกฆาตกรรม ขอโทษแทน "พ่อ" ซึ่งไม่รู้ความจริงอะไรเลย ไม่เคยสนใจใยดี กลับให้สัมภาษณ์ข่าวแบบผิดๆ



จากกรณีที่ น.ส.เปรมฤทัย จุเส้ง หรือ “น้องไอซ์” แอร์โฮสเตสสายการบินชื่อดังเสียชีวิตในประเทศการ์ต้า ซึ่งต่อมาผู้เป็นบิดาได้เกิดความกังขาว่า ที่บริเวณลำคอผู้ตายมีรอยเขียวช้ำเป็นเส้นคลายถูกเชือกรัด จึงเชื่อว่าเป็นการฆาตกรรม โดยเรียกร้องให้กรมการกงสุลในไทยกดดันประเทศการ์ต้าให้เร่งรัดสืบสวนจับกุมคนร้ายมาดำเนินคดีโดยเร็ว นั้น




ล่าสุด เมื่อวันที่ 14 ม.ค. มีผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ “Pramrudee Tiede” ที่อ้างว่าตัวเองเป็นพี่สาวแท้ๆ ของน้องไอซ์ ผู้เสียชีวิต ได้โพสต์ข้อความที่ย้อนแย้งกับการให้สัมภาษณ์ของผู้เป็นพ่อว่า


"อยากจะให้ทุกคนเสียสละเวลามาอ่านคอมเม้นนี้สักนึดนึง เพราะเรื่องที่จะบอก คือความจริงทุกอย่าง



ตอนแรกเราไม่อยากออกมาพูดอะไร เพราะน้องก็ได้ไปสู่สุขคติแล้ว แต่เมื่อเรื่องมันกลับกลายเป็นแบบนี้ เราคงต้องออกมาพูด เพื่อปกป้องน้องไอซ์, คุณแม่ และสถานทูตไทย ที่โดฮา

เรื่องที่พ่อให้สัมภาษณ์ออกข่าว นั่น ไม่ใช่ความจริงเลย น้องไอซ์ ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่น้องได้ป่วยเป็นโรคซึมเศร้า แล้วได้ตัดสินใจ จบชีวิตตัวเองด้วยการแขวนคอ ที่ห้องพักของน้องที่โดฮา เราเป็นคนแรกที่รู้ข่าวน้อง เพราะสถานทูตไทยที่โดฮา ได้โทรมาแจ้งการเสียชีวิตกับเรา วันที่ 27 ธันวาคม2560 ประมานช่วงบ่าย เวลาเยอรมัน แล้วเราถึงได้เป็นคนบอกแม่ ตอนนั้นเราอยู่ที่ เบอลิน แม่อยู่ที่กรุงเทพ

เราได้เดินทางไปโดฮาในเย็นวันเดียวกันกับที่รู้เรื่อง เราได้บอกแม่ เวลาประมาณ3ทุ่ม เวลาที่ไทย ของวันที่ 27 ธันวาคม2560 แล้วแม่ได้เดินทางไปโดฮาเช้าวันถัดมา

เราไปเจอกับแม่ที่โดฮา มีพี่ๆจากสถานทูตไทยในโดฮา และพี่ ที่บริษัทที่น้องทำงาน มาพาเราและแม่ไปดูร่างน้อง เราเป็นคนแจ้งการเสียชีวิตของน้องไอซ์ด้วยต้วเอง คุยกับตำรวจด้วยตัวเราเอง .. น้องเขียนจดหมายคำสั้นๆ ไว้ให้แม่ ตำรวจเอาให้เรากับแม่ดู จดหมายเป็นลายมือน้อง ก่อนหน้าวันที่เกิดเหตุ น้องเขียนมาหาเราทาง WhatsApp สั้นๆ ว่า "ไอซ์รักพี่ไนซ์นะ บอกแม่ด้วย" ตำรวจที่โดฮา ได้สรุปผลแล้วว่า ไม่ได้มีมือที่สาม .. สาเหตุการเสียชีวิตคือ "ขาดอาการหายใจ เนื่องจากแขวนคอ"



เราไปทำเรื่องอยู่ที่โดฮากับแม่ อยู่ที่นั่นนาน 7 วัน ถึงได้พาร่างน้องกลับบ้าน เราได้เดินทางมาถึงไทย เช้าวันที่ 3 มกราคม 2561 เครื่องลงประมาณตี 5 แล้วได้ต่อรถจากสนามบิน ภูเก็ต มายัง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี ซึ่งเป็นสถานที่จัดพิธีของน้องไอซ์

ระหว่างอยู่ที่นั่น สถานทูตไทยในโดฮา และ บริษัทที่น้องทำงาน ได้ดูแลเรากับแม่เป็นอย่างดี ถือว่าดีมากทีเดียว พี่ๆที่สถานทูต ช่วยเหลือทุกอย่าง เพื่อที่เราจะได้พาน้องกลับบ้านให้เร็วที่สุด สถานทูตพาเรากับแม่ ไปหาตำรวจ คอยเป็นล่ามพูดภาษาอาหรับให้ เพราะบางที คุยภาษาอาหรับ จะเร็วกว่าภาษาอังกฤษ บริษัทที่น้องทำงานก็ช่วยเหลือดีมากๆ จัดการให้พักโรงแรมดีๆ จ่ายค่าอาหารให้ ตลอด7วัน ที่อยู่ที่นั่น ค่าตั๋วเดินทาง แม้กระทั่ง หาคนมาอาบน้ำแต่งหน้าให้น้อง ค่าทำศพน้อง จนกระทั่งพาน้องเดินทางกลับมาถึงไทย ค่าขนส่งร่างน้อง จากสนามบินภูเก็ตจนถึง บ้านที่ท่าชนะ พวกเค้าเหล่านั้นได้ช่วยเหลือเรากับแม่อย่างเต็มที่

สุดท้ายแล้ว ที่พ่อเค้าไปทำเรื่องแบบนี้ ให้สัมภาษณ์ข่าวแบบผิดๆ โดยที่เค้าไม่รู้ความจริงอะไรเลย สุดท้ายคนที่เสียหายคือน้องเรา เราก็ไม่รู้ว่าเค้าทำไปเพื่ออะไร ต้องการอะไร เราถามเค้า เค้าตอบเราไม่ได้



พ่อเค้าไม่เคยมาสนใจเรากับน้อง ไม่เคยช่วยจ่ายค่าเทอมเราสองคน น้ำไฟถูกตัด เราโทรไปบอกเค้าก้ไม่เคยสนใจ ปล่อยให้เรากับน้องอยุ่ไปแบบนั้น แม้กระทั่ง วินาทีสุดท้ายของน้อง เค้าก็ยังไม่แม้แต่จะช่วยค่าจัดพิธีทำศพน้องไอซ์ เค้ามาหาที่งานศพไม่อยู่รอแม้กระทั่ง ฟังพระสวด หรือ รอกรวดน้ำให้ลูกเค้า พ่อกับน้องไม่ได้สนิทกันเลย ตั้งแต่น้องไปทำงานที่โดฮา 3 ปี น้องกลับไทยมาตั้งหลายครั้ง น้องไปหาพ่อ พร้อมแม่ แค่ครั้งเดียว

จากที่เขียนมาทั้งหมด เราและแม่ขอขอบคุณทุกคนที่เสียสละเวลามาอ่านมากๆเรยนะคะ

พวกเราแค่ต้องการความเห็นใจและต้องการจะบอกความจริงทุกอย่าง เพราะเรามีเอกสารทางการยืนยัน ว่าน้องไอซ์ไม่ได้ถูกฆาตกรรม แต่น้องป่วยเป็นโรคซึมเศร้า จึงทำให้น้องไอซ์ ตัดสินใจจบชีวิตตัวเอง ด้วยการแขวนคอ"

นิว 18 ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของ "น้องไอซ์" ด้วยครับ