ตร.แจ้งข้อหา "ปวีณา"สวมบัตร "ณิชา"เปิดบัญชี

2018-01-14 22:05:38

ตร.แจ้งข้อหา "ปวีณา"สวมบัตร "ณิชา"เปิดบัญชี

Advertisement

ตำรวจ สน.ห้วยขวาง แจ้งข้อหา "ปวีณา" นำบัตรประชาชน ของ"ณิชา"ไปเปิดบัญชีหลายกระทง ทั้งลักทรัพย์ รับของโจร ปลอมและใช้เอกสารปลอม ใช้บัตรผู้อื่นโดยมิชอบ ด้าน "ณิชา"พร้อมพี่สาวรุดเข้าขอบคุณตำรวจยืนยันความบริสุทธิ์ แจงเงินในบัญชีกว่า 6 ล้านบาทเป็นของครอบครัว



เมื่อวันที่ 14 ม.ค. ที่ สน.ห้วยขวาง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กรณี น.ส.ณิชา เกียรติธนะไพบูลย์ อายุ 24 ปี ตกเป็นผู้ต้องหาคดีฉ้อโกงภายหลังถูกคนร้ายนำบัตรประจำตัวประชาชน ไปเปิดบัญชีธนาคาร 7 แห่ง รวม 9 บัญชี ก่อนมีการโอนเงินเข้าออกหลายครั้งผิดปกติ ล่าสุด เมื่อเวลา 17.30 น. วันนี้ ชุดสืบสวนได้นำตัว น.ส.ปวีณา (ไม่ทราบนามสกุล) ผู้ต้องสงสัยลงจากชั้น 2 มายังห้องควบคุมผู้ต้องหาเพื่อพิมพ์ลายนิ้วมือรับทราบข้อกล่าวหาฐานร่วมลักทรัพย์ หรือรับของโจร ร่วมกันนำบัตรประชาชนของผู้อื่นไปแสดงว่าตนเป็นเจ้าของบัตร ร่วมกันปลอมและใช้เอกสารปลอม และร่วมกันใช้ มีไว้ เพื่อออกใช้บัตรอิเล็กทรอนิกส์ของผู้อื่นโดยมิชอบ

ขณะที่ น.ส.ปวีณา ลงมายังห้องควบคุมผู้ต้องหานั้น ได้ใช้ฮู้ดเสื้อกันหนาวบิดบังใบหน้า โดยมีสีหน้าเรียบเฉยแม้จะถูกเจ้าหน้าที่สอบสวนมาตลอดทั้งวัน และเมื่อพิมพ์ลายนิ้วมือมือแล้วเสร็จได้เดินขึ้นไปยังห้องสอบสวนเช่นเดิมทันที


พ.ต.อ.กัมพล รัตนประทีป ผกก.สน.ห้วยขวาง กล่าวถึงว่า น.ส.ปวีณาให้ความร่วมมือกับตำรวจเป็นอย่างดี และให้การเป็นประโยชน์ แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลได้ เพราะต้องรอการขยายผลสืบสวนหาผู้ร่วมกระทำความผิดก่อน


ด้าน น.ส.ณิชา ได้เดินทางเข้ามาพบพนักงานสอบสวน สน.ห้วยขวาง พร้อมกับ น.ส.ปุญญาดา ก๊กมาศ พี่สาว ระบุว่า ในวันนี้ตั้งใจเดินทางมาเพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่สามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และให้ปากคำเพิ่ม พร้อมตอบคำถามกรณีที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชีกว่า 6 ล้านบาทนั้น เป็นบัญชีที่เปิดมาตั้งแต่อายุ 18 ปี เพื่อทำธุรกิจในครอบครัว ยืนยันความบริสุทธิ์ของตนเอง และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้ต้องสงสัยอย่างแน่นอน ส่วนกรณีที่มีการตั้งข้อสังเกตว่ามีส่วนรู้เห็นว่าร่วมกระทำความผิดกับกลุ่มผู้ต้องหานั้น น.ส.ณิชา ยืนยันว่า ไม่เป็นความจริง ขอให้รอผลการตรวจสอบจากตำรวจก่อน ซึ่งเชื่อว่าความจริงจะปรากฏ ซึ่งที่ผ่านมาก็ให้ปากคำและข้อมูลการโทรศัพท์ และบัญชีธนาคารกับตำรวจไปหมดแล้ว รวมทั้งไม่เคยติดต่อและรู้จักส่วนตัวกับผู้ต้องสงสัยที่ตำรวจคุมตัวมาสอบสวน