เปิดข้อมูลสมัครใจบำบัดยาเสพติด 45-50 % ที่เหลือถูกบังคับ

2018-01-10 22:25:33

เปิดข้อมูลสมัครใจบำบัดยาเสพติด 45-50 % ที่เหลือถูกบังคับ

Advertisement

กรมการแพทย์ชี้มีผู้เข้ารับการบำบัดยาเสพติด 2-3 แสนรายต่อปี ยาบ้า ยาไอซ์ครองแชมป์ เผย 45-50 % สมัครใจรักษา ส่วนอีกกว่า 50 % ถูกบังคับบำบัดตามคำสั่งศาล บางรายติดรุนแรงก่อคดีสร้างความเดือดร้อนต่อสังคม 

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นพ.ภาสกร ชัยวานิชศิริ รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า สถิติของผู้เข้ารับการบำบัดรักษาทั่วประเทศในระยะ 10 ปีที่ผ่านมา อยู่ระหว่าง 2 - 3 แสนราย จากผูเสพ ผู้ติดยาประมาณ 2 ล้านคน ยาบ้า ยาไอซ์ครองแชมป์อันดับหนึ่ง รองลงมาจะเป็นผู้ติดกัญชา กระท่อม ฝิ่น และเฮโรอีน แม้จะมีนโยบายว่าผู้เสพคือผู้ป่วย และรัฐทุ่มเทงบประมาณของชาติเพื่อแก้ไขปัญหา แต่ข้อเท็จจริงที่ปรากฏพบว่าผู้ป่วยเพียง 45-50 % เท่านั้นที่สมัครใจหรือกึ่งสมัครใจเข้ารับการรักษา ส่วนที่เหลืออีกมากกว่า 50 % เป็นผู้ป่วยที่ถูกบังคับบำบัดตามคำสั่งศาล และมีผู้ติดยาเสพติดบางรายที่ติดรุนแรงก่อคดีสร้างความเดือดร้อนต่อสังคม แสดงให้เห็นว่าการดูแลผู้เสพผู้ติดยาเสพติดยังเป็นความท้าทายในความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งคือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วนในสังคม


"ผู้ติดยาเสพติดควรได้รับโอกาสในการแก้ไขพฤติกรรม หรือการเจ็บป่วยจากการใช้ยาเสพติดอย่างเหมาะสม ไม่ถูกตีตราความผิด ที่ผ่านมาภาครัฐเองต้องสูญเสียงบประมาณเพื่อใช้ในกระบวนการทางศาล และการดำเนินการเอาผิดลงโทษผู้ติดยาเสพติดมากกว่าการใช้งบประมาณเพื่อการรักษาพยาบาล ประเด็นสำคัญที่สุดที่ต้องคำนึงถึง คือ ต้องใช้ความรู้ทางวิชาการ ร่วมกับการศึกษาบทเรียนประสบการณ์ที่ผ่านมา หลายประเทศที่ประสบผลสำเร็จเช่น โปรตุเกส เยอรมนี จะไม่ถือว่าการติดยาเสพติดเป็นโทษทางอาญา แต่ถือเป็นการเจ็บป่วยทางความคิดและพฤติกรรม และใช้การแก้ปัญหาในเชิงสุขภาพเป็นตัวนำ"นพ.ภาสกร กล่าว

รองอธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวต่อว่า นโยบายผู้เสพคือผู้ป่วย จะเกิดได้ต้องอาศัยความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคม ตั้งแต่ครอบครัว ชุมชนให้โอกาสผู้ติดยาเสพติดให้ได้อยู่ร่วมกันในสังคม ผู้รักษากฎหมาย และผู้ปฏิบัติงานมีความรู้และเจตคติที่ถูกต้อง คนเสพน้อยสามารถได้รับการแนะนำ จูงใจ ตักเตือน เฝ้าระวังให้ลด ละ เลิก ไม่สร้างผลกระทบ คนติดมาก ติดหนัก ติดรุนแรงต้องได้รับการบำบัดรักษาและดูแลต่อเนื่อง ได้รับยาทดแทน ได้รับบริการเพื่อลดอันตรายจากยาเสพติด เช่น การป้องกันการติดเชื้อโรคเอดส์ โรคตับอักเสบ วัณโรค และโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยมุ่งหวังให้ผู้ป่วยยาเสพติดได้รับการบำบัดรักษาอย่างมีคุณภาพและได้มาตรฐาน อยู่ร่วมกันในสังคมได้อย่างไม่สร้างผลกระทบ และใช้ศักยภาพของบุคคลเพื่อการพัฒนาประเทศชาติต่อไป


ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผอ.สถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี กล่าวว่า สถาบันมีบทบาทหน้าที่หลักสนับสนุนการแก้ปัญหาผู้ติดยาเสพติด โดยมีเครือข่าย รพ.ธัญญารักษ์ในภูมิภาคอีก 6 แห่งในพื้นที่จ.เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน ขอนแก่น อุดรธานี สงขลา และปัตตานี โดยทำหน้าที่เป็นสถาบันเฉพาะทาง รับบำบัดรักษากลุ่มผู้ติดมาก ติดหนัก ติดรุนแรง ที่เกินศักยภาพของ รพ.ในพื้นที่โดยเฉพาะกลุ่มที่ต้องรักษาแบบผู้ป่วยในระยะยาว นอกจากนี้ยังทำหน้าที่ด้านวิชาการ การศึกษาวิจัย การพัฒนาถ่ายทอดองค์ความรู้ อบรมบุคลากรที่ทำงานบำบัดรักษาผู้ติดยาเสพติดทั้งใน และนอกกระทรวงสาธารณสุข เรามีหลักสูตรการอบรมเฉพาะทางสำหรับวิชาชีพแพทย์ พยาบาล นักจิตวิทยา นักสังคมสงเคราะห์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทำหน้าที่ในการกำกับดูแลมาตรฐานการรักษา และการดำเนินงานของสถานพยาบาล สถานฟื้นฟูสมรรถภาพทั่วประเทศที่มีมากกว่า 1,000 แห่ง ตลอดจนการทำงานในระดับภูมิภาคอาเซียน และองค์กรนานาชาติ ทั้งนี้เพื่อให้ประชาชนชาวไทย ผู้เสพผู้ติดยาเสพติดได้รับการบำบัดรักษา ดูแลช่วยเหลืออย่างเหมาะสม มีประสิทธิภาพ ได้มาตรฐานระดับสากล เป็นที่ยอมรับในเวทีนานาชาติ