กรมวิทย์เผยอุจจาระร่วงจากไวรัสโรทาลดลง

2018-01-10 19:10:59

กรมวิทย์เผยอุจจาระร่วงจากไวรัสโรทาลดลง

Advertisement

กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันจาก “ไวรัสโรทา-ไวรัสโนโร” ตั้งแต่ปี 2557 จนถึงปัจจุบัน พบไวรัสโรทาในกลุ่มอาการอุจจาระร่วงมีแนวโน้มลดลง ส่วนหนึ่งมาจากการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ


เมื่อวันที่ 10 ม.ค. นพ.สุขุม กาญจนพิมาย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน และอาหารเป็นพิษ พบได้ในคนทุกกลุ่มอายุและทั่วโลก โรคอุจจาระร่วงเฉียบพลันในประเทศไทย เป็นโรคที่ยังต้องเฝ้าระวังอย่างสม่ำเสมอ จำนวนผู้ป่วยมีแนวโน้มค่อนข้างคงที่ มีการระบาดในช่วงหน้าหนาว ไวรัสโนโร ประกอบด้วย 5 จีโนกรุ๊ป จีโนกรุ๊ปที่มักก่อโรคในมนุษย์ คือ จีโนกรุ๊ป 1 และจีโนกรุ๊ป 2 โดยเฉพาะจีโนกรุ๊ป 2 พบว่ามีอัตราการก่อโรคในคนสูงที่สุด อาการที่พบ ได้แก่ คลื่นไส้รุนแรง ปวดท้องและท้องร่วง ซึ่งมีอาการอาเจียนเป็นอาการเด่น อาการร่วมอย่างอื่นที่พบ เช่น ปวดศีรษะ มีไข้หนาวสั่น และปวดกล้ามเนื้อ เชื้อใช้เวลาในการฟักตัว 12-48 ชั่วโมง ไวรัสโนโรนี้ยังไม่มีวัคซีนที่ใช้ในการป้องกัน

นพ.สุขุม กล่าวต่อว่า ไวรัสโรทา มี 7 กลุ่ม คือ A,B,C,D,E,Fและ G ซึ่งไวรัสโรทา กรุ๊ป A เป็นไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน อาการมักรุนแรงในเด็กเล็กโดยเฉพาะเด็กอายุตํ่ากว่า 5 ปี มีระยะฟักตัว 1-2 วัน ผู้ป่วยจะมีอาการไข้ ปวดท้อง อาเจียน และถ่ายเป็นน้ำ มักหายได้เองภายใน 3-8 วัน เนื่องจากมีหลายสายพันธุ์ จึงสามารถเกิดโรคได้หลายครั้ง แม้จะมีการใช้วัคซีนถึง 2 ชนิดแล้ว แต่ด้วยคุณสมบัติของไวรัสโรทาที่มียีนมากถึง 11 จีนโนม จึงทำให้เกิดการผสมข้ามยีนกันในแต่ละ 11 จีนโนม เกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ได้ง่าย สำหรับไวรัสโรทานี้ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันได้แล้ว



อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กล่าวอีกว่า ห้องปฏิบัติการสถาบันวิจัยวิทยาศาสตร์สาธารณสุข กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เฝ้าระวังโรคอุจจาระร่วงจากไวรัสอยู่ 2 ชนิดคือ ไวรัสโรทา และไวรัสโนโร ซึ่งข้อมูลการเฝ้าระวังทางห้องปฏิบัติการตั้งแต่ปี 2557 – ต.ค.2560 ได้รับตัวอย่างทั้งจากผู้ป่วยและน้ำดื่มน้ำใช้ ที่คาดว่าเป็นสาเหตุของการเกิดโรคอุจจาระร่วง จํานวนทั้งสิ้น 990 ตัวอย่าง พบตัวอย่างที่ให้ผลบวกพบไวรัสจำนวน 273 ตัวอย่าง คิดเป็นร้อยละ 27.6 เมื่อนำตัวอย่างที่ให้ผลบวกมาจำแนกชนิดของไวรัส พบว่า ไวรัสโนโร เป็นไวรัสที่พบมากคิดเป็นร้อยละ 76.2 ของจำนวนตัวอย่างที่ให้ผลบวก และ จีโนกรุ๊ป 2 เป็นจีโนกรุ๊ปที่พบมากที่สุด ที่เหลือเป็นไวรัสโรทา คิดเป็นร้อยละ 19.8 ของจำนวนตัวอย่างที่ให้ผลบวก ทั้งนี้สาเหตุหนึ่งที่ทำให้อัตราการพบไวรัสโรทาในกลุ่มอาการอุจจาระร่วงลดลงนี้มีผลมาจากการใช้วัคซีนที่มีประสิทธิภาพ

“อย่างไรก็ดี เพื่อป้องกันไม่ให้เป็นโรคอุจจาระร่วง ประชาชนควรดื่มน้ำที่สะอาดหรือน้ำต้มสุก รับประทานอาหารที่สะอาด และปรุงสุกใหม่ๆ ไม่ควรรับประทานอาหารสุกๆ ดิบๆ หรืออาหารที่มีแมลงวันตอม หากจะเก็บอาหารที่ค้างมื้อควรเก็บไว้ในตู้เย็น และก่อนรับประทานต้องอุ่นให้ร้อนทุกครั้ง และควรล้างมือด้วยสบู่ให้สะอาดทุกครั้งก่อนปรุงหรือรับประทานอาหาร และภายหลังจากการเข้าห้องน้ำ”นพ.สุขุม กล่าว