ป.ป.ช.ฟัน 9 เจ้าหน้าที่ พศ.ทุจริตเงินทอนวัด

2018-01-08 16:05:18

ป.ป.ช.ฟัน 9 เจ้าหน้าที่ พศ.ทุจริตเงินทอนวัด

Advertisement

ป.ป.ช. ชี้มูลคดีเงินทอนวัด เจ้าหน้าที่ พศ. 9 คน ผิดวินัยร้ายแรง ผิดอาญา ทุจริตเงิน 3 วัดภาคใต้

เมื่อวันที่ 8 ม.ค. นายวรวิทย์ สุขบุญ เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวถึงผลการตรวจสอบการคดีทุจริตเงินทอนวัดของเจ้าหน้าที่สำนักพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) จำนวน 9 คน ในโครงการขออนุมัติเงินสนับสนุน อบรมพระธรรมฑูตเผยแพร่พระพุทธศาสนา ปี2558 ของวัดชลธาราวาส อ.ระแงะ จ.นราธิวาส วัดสุริยาราม อ.เทพา จ.สงขลา และวัดยูปาราม อ.เมือง จ.ยะลา ว่า คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิด น.ส.ประนอม คงพิกุล อดีตรอง ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และนายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนา จ.สงขลา มีความผิดวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา มาตรา149 มาตรา 157 มาตรา162(4) และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ส่วนนายพนม ศรศิลป์ อดีต ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดทางอาญา มาตรา151/มาตรา157



นายวรวิทย์ กล่าวต่อว่า ส่วน นายประสงค์ จักรคำ อดีต ผอ.กองพุทธศาสนาศึกษา นายวสวัตติ์ กิตติธีระสิทธิ์ อดีตนักวิเคราะห์นโยบายและแผนชำนาญพิเศษ และนายพัฒนา สุอำมาตย์มนตรี อดีตนักวิชาการศาสนาชำนาญการ ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบ ซึ่งมีส่วนในการจัดทำเอกสารเท็จมีมูลความผิดวินัยร้ายแรง และมีมูลความผิดอาญา มาตรา157 มาตรา 162(4) และความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.)ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ส่วนนางพรเพ็ญ กิตติธรางกูร นักวิชาการศาสนาชำนาญการ นายดำรงค์ศักดิ์ เกตุแก้ว นักวิชาการศาสนาชำนาญการ และนายจักรเวทย์ เดชบุญ นักวิชาการศาสนา ในฐานะกรรมการพิจารณาจัดสรรงบประมาณ มีมูลความผิดทางวินัยร้ายแรง โดยให้ส่งรายงานและเอกสารพร้อมทั้งความเห็นไปยังผู้บังคับบัญชา เพื่อพิจารณาโทษทางวินัย และส่งรายงาน เอกสารและความเห็นไปยังอัยการสูงสุดเพื่อดำเนินคดีอาญาใรศาลที่มีเขตอำนาจต่อไป



“คณะกรรมการป.ป.ช.พิจารณาแล้วเห็นว่าการพิจารณาเงินอุดหนุนของทั้ง 9 คนให้แก่วัดทั้ง 3 แห่ง โดยไม่มีเอกสารประกอบการพิจารณา เป็นการไม่ชอบ และเป็นการจัดทำเอกสารเท็จ ทั้งที่วัดไม่ได้มีการขอเงินสนับสนุนอต่อย่างใด. ซึ่งนายเสถียรทำหน้าที่เรียกเงินจากทั้ง 3 วัด วัดละ 3 ล้าน 2 แสนบาท เป็นการกระทำโดยมีเจตนาทุจริต เพื่อแสวงหาผลประโยชน์แก่ตนเองหรือผู้อื่น สำหรับการติดตามเงินคืนนั้น พศ. แต่งตั้งคณะกรรมการติดตามเรียกเงินอุดหนุน จำนวน 12 ล้านบาท คืนจากวัดทั้ง 3 และนำส่งกระทรวงการคลังแล้ว”นายวรวิทย์ กล่าว