นาทีชีวิต... "เติ้ล" ควง "กระแต" เล่าเหตุการณ์ครรภ์เป็นพิษ

2017-11-28 13:35:10

นาทีชีวิต... "เติ้ล" ควง "กระแต" เล่าเหตุการณ์ครรภ์เป็นพิษ

Advertisement


ต้องขอแสดงความยินดีกับคุณพ่อป้ายแดง เติ้ล-ตะวัน จารุจินดา เมื่อภรรยาคนสวย กระแต-เสาวคนธ์ จารุจินดา คลอดลูกสาวคนแรกให้สมาชิกใหม่บ้านจารุจินดา ไปเมื่อวันพุธที่ 22 พฤศจิกายน 2560 ด้วยน้ำหนักแรกคลอด 835 กรัม ความยาว 34.5 ซม. ณ โรงพยาบาลสมิติเวช สุขุมวิท แต่เป็นการคลอดก่อนกำหนดเพราะเกิดภาวะครรภ์เป็นพิษ โดยแพทย์ให้ยุติการตั้งครรภ์เพราะอาจทำให้เกิดอันตรายทั้งแม่และลูกในครรภ์ ซึ่งแม่อาจจะเกิดภาวะชักและอาการความดันโลหิตสูง ซึ่งจะทำให้เส้นเลือดในสมองแตกและทารกในครรภ์จะมีภาวะวิกฤติได้ จากนั้นแพทย์ได้เฝ้าการเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ชักเกร็ง ความดันโลหิตสูงและดูเอ็นไซม์ในตับไม่ให้ผิดปกติ ล่าสุดทั้งเติ้ลและกระแตได้ออกมาเผยถึงอาการในวันนี้ว่า





เติ้ล : จริงกำหนดคลอดของแตเขาประมาณเดือนมกราคมช่วงปลายเดือน แต่หลังจากกลับกันมาจากต่างประเทศก็ได้มาตรวจตามปกติที่คุณหมอนัดและระหว่างที่ตรวจความดันแตเขาก็ขึ้นประมาณ 180 ทางคุณพยาบาลก็ให้พักแล้วตรวจใหม่อยู่ 2-3 รอบความดันก็ไม่ลด คราวนี้คุณหมอเลยให้ตรวจปัสสาวะว่ามีโปรตีนรั่วออกมาหรือเปล่าปรากฏว่ามีคุณหมอเลยสั่งให้เข้าห้องไอซียูทันทีเพราะคุณหมอกลัวแตจะเกิดอาการชัก คุณหมอก็บอกว่าครรภ์เป็นพิษและต้องรีบตัดวงจรเพราะมันอันตรายต่อแม่และเด็ก

ก่อนหน้านี่มีอาการบ่งบอกบ้างไหม?
เติ้ล : มีแต่แตเขานอนแล้วไม่ค่อยสบายและเรอตลอดเวลา แต่ไม่มีอาการอย่างอื่นร่วมเลยครับ จริงๆ ก่อนหน้านี้คุณหมอบอกว่าลูกน้ำหนักตกเกณฑ์นิดนึงเพราะว่าแตกินไม่ได้หรือเปล่า? คือปกติคนที่ครรภ์เป็นพิษจะมีอาการมือเท้าหน้าบวม แต่นี่ไม่มีสัญญาณอะไรเลย พอวันที่ผ่าตัดเหมือนน้ำคร่ำมันล้นออกมาหมดแล้วและก็มีภาวะน้ำท่วมปอดด้วย คุณหมอก็บอกว่าภาวะนี้มันเป็นขั้นรุนแรงถึงรุนแรงมาก ซึ่งคุณหมอก็พูดเลยว่าคุณหมอขอรักษาชีวิตของคุณแม่ไว้ก่อน ตอนที่เราอยู่ในห้องไอซียูเราก็มองหน้ากันเพราะมันเป็นครั้งแรกในชีวิตเลยว่านี่มันคือนาทีชีวิตและก็ไม่รู้ว่าวันผ่าตัดเขาจะเป็นยังไง



ความรู้สึกเราตอนนั้นเป็นยังไงบ้าง?
กระแต : ตกใจ
เติ้ล : เขาตกใจและผมก็ตกใจแต่ว่าสิ่งบางอย่างมันเกิดขึ้นแล้ว เราทำอะไรไม่ได้ ยอมรับมันแล้วก็เดินหน้าสู้ต่อและให้กำลังใจกันและกัน

ตอนนั้นคุณหมอได้บอกเปอร์เซ็นต์รอดของลูกเราได้แค่ไหน?
เติ้ล : คุณหมอไม่สามารถรับปากได้เลย แต่คุณหมอได้อัลตราซาวด์แล้วเห็นว่าเลือดที่สายสะดือมันเริ่มตีกลับแล้ว คือกระบวนการโรคมันเริ่มไปในทางรุนแรงแล้ว



กระแตได้คุยอะไรกับลูกตอนนั้นบ้าง?
กระแต : ก็บอกว่าอยู่ด้วยกันนะเพราะเราตื่นเต้นมากพอเข้าไอซียูแป๊บเดียวก็เจ้าห้องผ่าตัดเลย

ใช้เวลาผ่าตัดนานไหม?
เติ้ล : ไม่นานครับแป๊บเดียว คือเป็นครั้งแรกเลยที่เราต้องเลือกคนที่เรารักสองคนแต่มันเลือกไม่ได้ แต่คุณหมอก็บอกว่าต้องช่วยเหลือชีวิตคุณแม่ไว้ก่อนและเราก็ไม่รู้ว่าลูกเราออกมาจะมีอาการยังไง ครบ 32 ไหม เราประคบประหงมเขามา 7 เดือนเราก็ไม่อยากให้เขาจากไป



คุณอาดาวรู้สึกยังไงตอนที่เติ้ลโทรมาบอก?
อาดาว : เราก็ช็อกไปเหมือนกันแต่ต้องตั้งสติเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้ลูก เราก็บอกเขาว่าอยากให้แม่ไปอยู่ด้วยไหม เขาก็บอกไม่เป็นไรเขาอยู่ได้ พอเช้าเราก็ไปตักบาตรทำบุญให้กับเทพเทวดาที่คุ้มครองเขาแล้วก็มาที่โรงพยาบาลแต่แตเข้าห้องผ่าตัดไปแล้ว ซึ่งต้องบอกว่าคุณหมอที่นี่เยี่ยมมากๆ เพราะเขาเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้ฟังและก็บอกว่าชีวิตแม่สำคัญที่สุดและทำให้เรารู้ว่าสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นได้ทุกเวลาทุกนาที เพราะฉะนั้น คุณต้องรับมือมันให้ได้ ใช้สติเพราะถ้าเราไม่มีสติการตัดสินใจต่างๆ มันจะไปหมดเลย พอผ่าท้องแล้วเราก็ถามเติ้ลว่ารู้สึกยังไงเขาก็บอกไม่ได้สนใจลูกเลย สนใจแต่เมียเพราะมันไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นกับแตบ้างคือคิดอย่างเดียวว่าขอให้เมียรอด แต่พอเขาได้ยินน้องอะมีณยาร้องเขารู้สึกสงสาร ตัวเขาเล็กมาก น่ารักมากเขารักลูกมากและก็สงสารแล้วก็ลืมเมียไปกับลูกเลย (หัวเราะ) พอเราเดินตามไปคุณหมอบอกเขาตัวเล็กแต่ครบ 32 จากนั้นคุณหมอก็ดูแลต่อไป วันนี้ก็เข้าสู่วันที่ 6 แล้ว เชื่อว่าเขาสู้เพราะครอบครัวเราสู้  เราก็บอกเขาว่าเราจะสู้ไปด้วยกันและคุณหมอก็บอกว่าจิ๋วแต่แจ๋ว(หัวเราะ)





เราได้พูดอะไรกับกระแตบ้างตอนอยู่ในห้องคลอด?


เติ้ล : พูดแค่ว่าพี่รักหนูนะ ตอนเข้าห้องคลอดทางคุณหมอก็ไม่เราเข้าห้องคลอดเพราะมันไม่ใช่การคลอดปกติ แต่คนนี้เขาไม่ยอม(ยิ้ม)

วินาทีที่เราได้ยินเสียงลูกเป็นยังไงบ้าง?
กระแต : ตอนผ่าเราไม่รู้เลยจนคุณหมอบอกร้องแล้วๆ ได้ยินไหม เราได้ยินแค่สองสามแอะเราก็ดีใจที่เขาร้องแล้ว
เติ้ล : ตอนที่เราเข้าไปเราเป็นห่วงเมีย คุณหมอน่ารักมากทำบรรยากาศให้ผ่อนคลายลง พอเขาคลอดออกมาเราก็ได้ยินเสียงแว้ๆ จากนั้นคุณหมอเด็กก็พาเข้ารถเข็นแล้วก็ไปเลย แต่เขาเอาลูกมาให้เราเห็นนิดนึง มาเห็นอีกทีตอนเราตามขึ้นมาข้างบนสิ่งที่เห็นคือจมูกโด่งเหมือนแม่ ความรู้สึกคือมันน่ารักอ่ะ น่าเอ็นดูและน่าสงสาร เราเห็นการเปลี่ยนแปลงตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้คือเขาสู้จริงๆ คุณหมอบอกเป็นเด็กที่ตัวเล็กแต่แข็งแรงมาก หายใจเองได้ หัวใจดี เมื่อวานเอกซเรย์สมองไม่เป็นอะไรเลย ย่อยอาหารเองได้ ระบบขับถ่ายดี สุขภาพเขาตามเกณฑ์แค่เขาตัวเล็กแค่นั้นเอง แต่คุณหมอก็บอกหนทางอีกยาวไกลเพราะปกติเขาต้องคลอดเดือนมกราคม ก็ต้องติดตามผลไปตามสเต็ป ณ ตอนนี้ทุกอย่างข้างต้นดี ต่อไปก็มาติดตามเรื่องสายตา การได้ยินครับ ก็ต้องอยู่โรงพยาบาลอีกสักพักใหญ่ๆ ครับ